ชวนคุยก่อนเกม: ‘สิงโต’ เตรียมปะทะ ‘เรือใบ’
ศึกพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ในสัปดาห์นี้ จะเป็นการพบกันระหว่าง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งหากใครปราชัย จะต้องระทมทุกข์ไปสองสัปดาห์เต็มๆ ในช่วงเบรคทีมชาติ
ย้อนเวลากลับไปเพียงแค่ 2 ปี กับอีก 6 เดือน นี่คือสองทีมจากเกาะอังกฤษที่โคจรมาพบกันในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และเป็นฝ่าย ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ที่เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ไปครอบครอง จากประตูโทนของ ไค ฮาแวร์ตซ์
แต่เมื่อเข็มนาฬิกาเดินไปข้างหน้า และเหมือนว่าฝั่งของ เชลซี จะสร้างความชิบหายด้วยตัวเอง เมื่อเจ้าของใหม่อย่าง ท็อดด์ โบห์ลี่ บริหารทีมแบบเด็กไม่มีสมอง เป็นเหตุให้ลงทุนมหาศาล แต่เมื่อซีซั่นที่แล้ว กลับจบในอันดับที่ 12 ของตาราง ในขณะที่ฤดูกาลนี้ เมื่อแพ้ไปแล้ว 4 นัด จาก 11 เกมแรกในศึกพรีเมียร์ลีก
ส่วนฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลบความผิดหวังในปีนั้นไปแบบทบต้นทบดอก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยคว้า ‘ทริปเบิ้ล แชมป์’ ได้อย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้งศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยังผงาดไปคว้าอันดับสอง รางวัลบัลลงดอร์ ซึ่งถ้าพูดตามตรง หากว่า ลิโอเนล เมสซี่ ไม่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก กับทีมชาติอาร์เจนติน่า เมื่อปลายปี 2022 บางทีพวกเขาคงมีนักเตะที่ได้รางวัลนี้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรไปแล้ว
ไม่น่าเชื่อจริงๆนะครับว่า ภายในระยะเวลาเพียงแค่เท่านี้ จะส่งผลให้ระดับของทีมที่เคยสูสีกัน นั้นห่างไกลได้ขนาดนี้ ถึงขนาดที่ว่า ต่อให้จะดวลแข้งกันในสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่แทบจะไม่มีกูรูคนไหนฟันธงให้ฝั่ง ‘สิงห์บลู’ เป็นฝ่ายชนะ หรือพูดง่ายๆแค่เสมอก็เป็นบุญหัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อสุดท้ายฟุตบอลก็เป็นกีฬาของลูกกลมๆ มีลมอยู่ข้างใน เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้เสมอ และต้องไม่ลืมว่าชื่อชั้นของนักเตะเจ้าบ้านก็ไม่ได้ไก่กาอาราเล่ แต่จะหยุดรั้งฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้หรือไม่นั้นก็ต้องมารอลุ้นกัน คืนนี้ 23.30 น.
และไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนทีมไหน ก็ต้องรับชมเกมคู่นี้ เพราะถ้าหากว่าพลาดไปล่ะก็ จะต้องทนอยู่กับความเหงาเพราะโปรแกรมทีมชาติไปสองสัปดาห์เลยเต็มๆ
เขียนโดย The Lite Team.