บุรีรัมย์ vs บีจี ไหนว่าสองทีมที่ดีที่สุดเจอกัน แต่โคตรน่าเบื่อ
การแข่งขันไทยลีก สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือในการแข่งขันสัปดาห์ที่ 9 คู่ที่น่าสนใจที่ที่ทุกสายตาจับไปมองคือการเจอกันระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สองทีมที่เขาว่ากันว่าดีที่สุดในทุกๆ ด้าน ณ เวลานี้บนเวทีประเทศไทย
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมายในฤดูกาลนี้ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับตัวทีมเอง หรือการที่ประธานสโมสรอย่าง เนวิน ชิดชอบ ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ไล่มาตั้งแต่การขยับตำแหน่ง มาซาทาดะ อิชิอิ ขึ้นไปเป็นประธานเทคนิค ก่อนจะดันออกไปช่วยทีมชาติไทย เพื่อเปิดทางให้กับ อาเธอร์ ปาปาส เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน
ไหนจะเป็นเรื่องการเข้ามาเป็นหัวเรือชี้นิ้วกำหนดทิศทางของ ไทยลีก ร่วมกับ มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซํา จากการท่าเรือ เอฟซี และปวิณ ภิรมย์ภักดี จากบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ลามไปถึงกลายๆ ในทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่มีมาดามแป้ง นั่งแท่นเป็นผู้จัดการทีมอยู่
ส่วนในตัวผู้เล่นพวกเขาก็ปรับโควตาต่างชาติหลายตำแหน่ง เพื่อเอาของที่ดีที่สุดมา กับเป้าหมายการไปได้ไกลยิ่งขึ้นในฟุตบอลรายการระดับเอเชียแทน ทั้งการดึงเอา รามิล เชย์ดาเยฟ กองหน้าทีมชาติอาเซอร์ไบจาน ที่เคยเล่นให้กับทั้งสโมสรในตุรกี และรัสเซีย ดึงตัวนิโคเลา ดูมิตรู ปีกชาวอิตาลี สวีเดน ที่เป็นเด็กฝึก และเคยเล่นให้กับนาโปลี
ทำให้เป้าหมายในฤดูกาลนี้ของพวกเขาคือการโฟกัสไปที่ฟุตบอลรายการอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าสนใจรายการในประเทศ อาจเพราะคิดว่าถ้าพวกเขาสู้กับทีมในทวีปเอเชียได้ สโมสในไทยลีกก็คงไม่คณามือหรอก
ด้านบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็มาในแนวทางคล้ายๆ กันกับเรื่องราวภายนอกสโมสร แต่เป้าหมายหลักพวกเขาดูเบา อาจเพราะเขาต้องการให้ ‘โค้ชธง’ เข้ามาวางรากฐานให้กับทีม แต่ในอีกมุมหนึ่ง บีจี ก็ทุ่มเงินดึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับสู่กับ ทำให้ลึกๆ บิ๊กบอสคงหวังมีอะไรบางอย่างติดมือกลับมาบ้าง
กลับมาพูดถึงเกมในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แน่นอนด้วยเหตุการณ์ต่อเนื่องยาวมาหลักเดือน หลายคนปั่นใจไปเชียร์บีจี ปทุม หรือหลายคนก็ไม่เชียร์ทั้งคู่เลย แต่ก่อนอื่นเกมการแข่งขันในนัดมีผู้ชมมากถึง 27,548 คน บุรีรัมย์ มีรายได้เข้ากระเป๋าจากทั้งค่าบัตรเข้าชม ค่าขายของที่ระลึกมากถึง 16,324,255 บาท แน่นอนส่วนหนึ่งเป็นผลพลอยได้มาจากการแข่งขันที่ตรงกับ MotoGP
เรามาว่ากันถึงรูปเกม ‘ปราสาทสายฟ้า’ จัดเต็มผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม แม้ว่าฟอร์มที่ผ่านมาจะไม่ค่อยน่าพอใจไม่ชนะใครมา 4 นัดติดในทุกรายการ ส่วน ‘กระต่ายแก้ว’ ไม่มีกองหน้าทีมชาติไทยอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา แต่แนวรุกอย่าง อิกอร์ เซเกอเยฟ ก็ยังคงอันตรายอยู่ตลอดเวลา
รูปเกมครึ่งแรกเป็นไปแบบน่าเบื่อ ทั้งสองทีมออกลูกระวัง เล่นประคับประคองเลือกที่จะไม่เสียดีกว่าเปิดเกมลุย แต่ก็มีการผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จนเกมสะดุดไปพอสมควร ครึ่งแรกมีการทำฟาวล์ใส่กันรวมมากถึง 14 ครั้ง ทางบุรีรัมย์ ที่ได้เล่นในบ้างจะเป็นฝ่ายตั้งเกมบุก และทางบีจี จะเน้นไปทางโอกาสโต้กลับเร็ว
จนมาเกิดเหตุการณ์สำคัญในนาทีที่ 40 แชมป์ไทยลีก ได้ลูกจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอล แต่โกรัน เคาซิช ที่ปกติเฉียบคม แต่ซัดจุดโทษไปติดเซฟ กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก ที่ได้ลงสนามเป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้ ทำให้จบครึ่งแรกด้วยผลเสมอ 0-0
ส่วนครึ่งหลังก็กลับมาในรูปแบบเดิม แทบจะเล่นเหมือนเดิมทั้งสองทีม การเปลี่ยนตัวก็จะเน้นไปที่เอาความสดเข้าไปสู้ มากกว่าการปรับเปลี่ยนแผนการ จนสุดท้ายออกมาด้วยสกอร์ 0-0 แบ่งกันไปคนละคะแนน
ฝั่งทีมเยือนอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คงพอใจที่เก็บผลเสมอกับบ้าน แต่เจ้าบ้านคงอยู่ในอาการไม่โอเค ทั้งด้วยฟอร์มก่อนหน้านี้ และมาปืนฝืดในนัดอีก โดยหลังเกม ปาปาส เฮดโค้ชระบุว่า “อันดับแรกเกมนี้เราก็ยังคงทำผลงานได้ดีในสนาม สิ่งที่เราทำคือดีทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือการเอาบอลเข้าไปในตาข่าย”
แต่จากสายตาทีมอื่นมองเข้าไป บุรีรัมย์ กำลังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข อาจจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงหัวเรือใหญ่อีกครั้ง
เขียนโดย The Lite Team.