เกมเมื่อคืนวันอาทิตย์เป็นการแพ้ด้วยสกอร์ที่ห่าง 3 ประตูขึ้นไปเป็นครั้งที่ 3 ให้กับ  แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และนอกจากนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมมาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2016

พูดถึงฟอร์มการเล่นกันก่อนละกันครับ ตัวผมก็ไม่ได้หวังว่า ‘ปีศาจแดง’ ชุดนี้จะเหิมเกริมคว้า 3 คะแนนเต็มมาได้ในเกมนี้ แต่ก็หวังว่าอย่างน้อยก็น่าจะได้ผลเสมอมาให้ชื่นชมกันสักหน่อย ซึ่งก็ได้แต่หวังไว้ในใจลึกๆ เมื่อได้เหลือบไปมอง 11 ผู้เล่นตัวจริงในเกมนี้

ขัดใจอย่างแรกเลยนะครับ จอนนี่ อีแวนส์ ได้ยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ต้องบอกก่อนว่าด้วยฟอร์มการเล่นของ แม็กไกวร์ ในระยะหลังๆ เขาก็สมควรที่จะได้ลงเป็นตัวจริงแหละ แต่กับ อีแวนส์ ที่อายุเยอะ แล้วยังช้าอีกด้วย ต้องมารับมือกับแนวรุกที่มีความคล่องตัวสูงของ แมนฯ ซิตี้ ก็ดูจะไม่น่าไหวตั้งแต่ก่อนที่จะเขี่ยบอลแล้วอ่ะครับ

เรื่องต่อมา วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ได้ลงเป็นแบ็กซ้ายอีกหนึ่งเกม แล้วไหนบอกว่า เซร์คิโอ เรกีลอน พร้อมลงเล่นแล้ว ซึ่งก็ได้ลงจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ก็เป็นในช่วงประมาณ 20 นาทีสุดท้ายของเกม 

ต้องบอกเลยว่าการขึ้นเกมทางกราบซ้ายของ ลินเดเลิฟ มันดูไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย (ก็แน่นอน เพราะว่าเขาเป็นกองหลังตัวกลาง) คือเขาเป็นคนเปิดบอลแนวลึกได้ดีนะ แต่การครอสจากริมเส้นที่ต้องคอยพลิกบอลให้มาเท้าขวา หรือการบุกตะลุยเข้ากรอบเขตโทษ มันยังไม่ใช่อ่ะ โดยเฉพาะในเกมแบบนี้ที่ต้องอาศัยจังหวะการสวนกลับเร็ว มันเลยดูผิดที่ผิดทางไปหมด

อย่างสุดท้ายคือการถอด โซฟียาน อัมราบัต ออกไปแล้วไม่เหลือมิดฟิลด์เกมรับเลย เข้าใจว่าโดนใบเหลืองจากจังหวะที่เรียกได้ว่า ‘ทำตัวเอง’ แท้ๆ เลยทำให้ทีมต้องซวยไปด้วย ซึ่งก็ทำให้แผงกองกลางเหลือ สก็อต แม็คโทมิเนย์ ที่เกมรับไม่เอาอ่าวเลย กับ คริสเตียน อีริคเซ่น ที่เซ้นส์บอลดี แต่ไม่มีพลังงาน ส่วนคนที่ลงมาแทนอย่าง เมสัน เมาท์ นี่ถ้าไม่เห็นตอนวิ่งเข้าสนามช่วงพักครึ่ง ก็ไม่คิดว่าอยู่ในสนามอ่ะครับ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะไปด่าตัวนักเตะทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะคนที่จัดแผนการเล่นและจัดตัวนักเตะลงไปก็คือ เอริก เทน ฮาก แต่จะให้ด่า ก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะผมมองว่าครึ่งแรกเราเล่นได้โอเคแล้ว เพียงแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเสียจุดโทษ ‘อีหยังวะ’ อีกแล้ว แล้วช่วงหลังๆ ก็เสียในลักษณะนี้บ่อยด้วยนะ แต่พอเราโดนบ้าง กลับไม่ได้ซะงั้น

อ่อ เกือบลืมนักเตะที่ต้องชื่นชมอย่าง อังเดร โอนาน่า ที่เริ่มดูมีฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นกับจังหวะการเซฟที่ดูไว้ใจได้มากขึ้น ไม่เหมือนกับช่วงแรกๆ ที่ตรงเป็นตุง ซึ่งก็น่าเสียดายที่ฟอร์มดีแต่ทีมไม่ชนะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น พรีเมียร์ลีก เตะกันมาแล้ว 10 เกม ‘ผีแดง’ ก็ล่อแพ้ไปแล้วซะครึ่งนึงหรือว่า 5 เกมนั่นเอง ดูทรงแล้วถ้าถึงช่วงปีใหม่แล้วยังไม่กระเตื้องขึ้น ก็น่าจะเป็นเรื่องยากที่ลุ้นไปติดท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้ แล้วในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เตะมา 3 เกมก็เพิ่งเก็บได้แค่ 3 คะแนน ก็ยังต้องลุ้นกันนัดต่อนัดต่อไป

ส่วนถ้วยความหวังของเราอย่าง ‘คาราบาวคัพ’ ก็มีคิวเจอกับ นิวคาสเซิล ในคืนวันพุธที่จะถึงนี้ ถ้าเกิดแพ้ตกรอบขึ้นมา ก็คิดซะว่าเป็นการลงเตะเพื่อสุขภาพไปอีกหนึ่งฤดูกาลละกันครับ