หากการแข่งขันนัดนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าฝั่งเจ้าบ้าน คงทำใจยอมแพ้ไปก่อนแต่หัววัน เพราะก่อนหน้านี้ อังเดร โอนาน่า โชว์ฟอร์มตรงเป็นตุง ทำเอาแฟนบอลเริ่มร้องหา ดาบิด เด เกอา ให้กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง

แต่หลังจากพักเบรคทีมชาติ นายทวารรายนี้ก็เหมือนไปเก็บตัวฝึกซ้อมบนเขาเหลียงซาน ที่กลับมาโชว์หนึบจนช่วยให้ทีมชนะ 2 นัดติด โดยเฉพาะเกมกลางสัปดาห์ที่เซฟจุดโทษในวินาทีสุดท้าย ช่วยให้ทีมยังมีลุ้นเข้ารอบ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ต่อไป

ทางด้านทีมเยือน ที่เคยสะดุดแพ้สองนัดในพรีเมียร์ลีก เพราะการขาดหายไปของ โรดรี้ ก็กลับมาอยู่ในรูปในรอยอีกคร้ง โดยสัปดาห์ที่แล้วเอาชนะ ไบรท์ตัน 2-1 แต่ก็ต้องสูญเสีย มานูเอล อาคานจี กองหลังตัวหลักเนื่องจากโดนใบเหลืองที่สองในช่วงท้ายเกม

สถานการณ์ก่อนแข่งในค่ำคืนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับที่ 8 มี 15 คะแนน และเป้าหมายของ อิริค เทน ฮาค ในตอนนี้คือการกลับขึ้นไปสู่พื้นที่ท็อปโฟร์อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นแล้วเก้าอี้ของกุนซือชาวเนเธอร์แลนด์ อาจจะร้อนขึ้นมา เนื่องจากทุ่มทุนมหาศาล แถมยังมีปัญหากับนักเตะไม่เว้นแต่ละปี แต่สุดท้ายรูปทรงการเล่น แทบจะไม่ต่างอะไรกับ โอเล่ กุนน่า โซลชาร์ ยังเป็นผู้จัดการทีม แต่ยังดีที่อย่างน้อยว่ามีถ้วย คาราบาว คัพ ไว้ค้ำคอแล้ว

ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหลังจ่าฝูง 5 คะแนน ก่อนจะลงแข่งขันในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เอาชนะไปก่อนในคืนวันศุกร์ ส่วน อาร์เซนอล ก็โชว์ฟอร์มสุดยอด ถล่มคู่แข่งไปถึง 5 ประตูเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเป้าหมายเดียวของทีมแชมป์เก่า คือบุกคว้าสามคะแนนเพื่อกดดัน ‘ไก่เดือยทอง’ และ ‘ปืนใหญ่’ ต่อไป

หากมองถึงชื่อชั้นตัวผู้เล่น รวมถึงฟอร์มช่วงหลัง พิจารณายังไง ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เหนือกว่าทุกช่องทาง เพียงแต่ว่านี่คือศึก ‘แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์’ และบางครั้งปาฏิหารย์อาจเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้

เขียนโดย The Lite Team.