แน่นอนว่าการเตะใหม่คงไม่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าเดิม แต่หากโลกใบนี้มีนาฬิกาย้อนเวลาได้จริงดั่งในนิยาย เชื่อเหลือเกินว่าสาวก ‘หงส์แดง’ จะอยากแข่งนัดเหล่านี้ใหม่

1. รอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก ปี 2016

การพ่ายแพ้ต่อ เซบีญ่า 1-3 ส่งผลให้ฤดูกาลต่อมาทำได้เพียงนอนฝันดีในกลางสัปดาห์ ซึ่งน่าคิดเหลือเกินว่า ถ้าหากกุนซือชาวเยอรมันรายนี้ ได้เสริมทัพแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งแต๋ซีซั่นที่ 2 ผลงานของทีมจะออกมาเป็นอย่างไร

2. รอบชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ ลีก ปี 2018

เพียงแค่ซีซั่นแรกที่ ‘หงส์แดง’ ได้กลับไปเล่นถ้วยหูโต ก็สามารถผงาดไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่พ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ซึ่ง 2 จาก 3 ประตู ที่เสียในวันนั้น เกิดจากความผิดพลาดของนายทวารที่มีดีแค่หล่ออย่างเดียว

3. เยือน เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก ปี 2019

ในเวลานั้น ลิเวอร์พูล รอแชมป์พรีเมียร์ลีก มานาน 29 ปี ซึ่งฤดูกาลนั้นจบลงด้วยการเป็นรองแชมป์แม้แต้มจะแตะสูงถึง 97 คะแนน โดยหนึ่งในเกมที่พวกเขาควรชนะได้มากที่สุด คือการเยือน เอฟเวอร์ตัน ซึ่งจบลงแบบไร้สกอร์ เท่ากับว่าปัจจัยที่พลาดความสำเร็จนี้ ดันมีเพื่อนบ้านสุดถ่อยอยู่ในสมการนี้ด้วย

4. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2022

อีกครั้งที่ ‘เครื่องจักรสีแดง’ เก็บไปมากกว่า 90 คะแนน แต่ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งสองเกมในฤดูกาล 2021/22 กับ ‘เรือใบสีฟ้า’ นั้นจบลงด้วยการแบ่งแต้มทั้งสองเกม โดยหากเปลี่ยนผลเป็นชนะได้สักเกม เหล่า เดอะ ค็อป คงไม่จำเป้นต้องมาร้องเพลง ‘ผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง’ 

5. รอบชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ปี 2022

เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถพาทีมมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ถ้วยนี้ได้ถึง 3 ครั้ง ใน 5 ฤดูกาล แต่น่าเสียดายที่คว้าแชมป์กลับ เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ได้แค่ครั้งเดียว และสองครั้งที่ต้องเสียน้ำตา เกิดขึ้นเพราะทีมที่ชื่อว่า เรอัล มาดริด

แม้ว่าจะมีอีกหลายนัดที่พวกเราอยากแข่งใหม่ แต่เอาแค่ 5 เกมข้างต้นที่ยกตัวอย่างมาก หากพวกเราได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการ ถึงตอนนี้ทีมจะมีแชมป์เพิ่มอีกทั้ง ยูโรป้า ลีก 1 สมัย รวมไปถึง แชมเปียนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก อย่างละ 2 สมัย ซึ่งนั่นจะทำให้พูดได้เต็มปากเลยว่า ‘นี่คือยุคสมัยของ ลิเวอร์พูล’ แต่นั่นแหละ สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น

เขียนโดย The Lite Team.