แค่คำขอโทษ คงไม่พอที่จะเรียกศรัทธาทีมชาติไทย
8-0 คือสกอร์ที่คงไม่มีใครคาดคิดในเกมอุ่นเครื่องที่บุกไปเล่นกับ จอร์เจีย ด้วยสภาพตัวผู้เล่นที่เรียกว่าชุดบี แน่นอนมันถูกตามมาด้วยดราม่าตลอดทั้งสัปดาห์ถึงคุณภาพ และการบริหารจัดการของเหล่าผู้มีอำนาจ แต่คำขอโทษ คงจะไม่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงได้หรอก
"ผมเข้าใจและพร้อมสนับสนุนทุกสโมสรที่กำลังทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยในภารกิจ ACL ซึ่งโปรแกรมอาจจะคาบเกี่ยวกับฟีฟ่าเดย์ในเดือนตุลาคม แต่ในระเบียบของฟีฟ่าก็มีระบุไว้เพื่อปกป้องตัวนักกีฬาเช่นกันว่าในกรณีที่ลงสนามรับใช้ชาติหรือลงเล่น นักกีฬาควรจะมีเวลาพักที่เหมาะสม และกลับสู่สโมสรภายใน 48 ชั่วโมงหลับจบฟีฟ่าเดย์"
ข้างต้นคือบทสัมภาษณ์ของ มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ก่อนที่จะเรียกผู้เล่นไปมาฟีฟ่า เดย์ ในช่วงนี้ที่จะต้องเจอกับจอร์เจีย และเอสโตเนีย ซึ่งเป็นเหมือนการคอนเฟิร์มข่าวลือที่ระบุว่า ทีมชาติไทย ชุดใหญ่หนนี้จะไม่ได้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดไปลงเล่น เนื่องจากไทยลีก มีการโยก และวางโปรแกรมการแข่งขันในวันที่ 20 ตุลาคม แต่ ‘ช้างศึก’ จะลงเล่นเจอ เอสโตเนีย ในวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งนักฟุตบอลเหล่านี้จะมีเวลาพัก เพียงวันเดียวโดยประมาณ
2 คู่ที่ได้แข่งในวันศุกร์ที่ 20 คือ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด เจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เจอกับ ตราด เอฟซี ซึ่งเป็น 3 ทีมที่จะต้องลงแข่ง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงกลางสัปดาห์ต่อไป ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความต้องการของสโมสร เพื่อไม่ให้นักฟุตบอลล้าเกินไป หากแข่งในวันเสาร์ หรืออาทิตย์ เพราะตามโปรแกรมแรกที่ ไทยลีก ออกมา ไม่มีคิวเตะในคืนศุกร์ ซึ่งก็ไปส่งผลกระทบโดยตรงกับทีมชาติไทยแทน
จากที่ไล่เรียงทั้งหมด เหตุผลที่ ฟีฟ่า เดย์ ครั้งนี้ ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสของไทย จะได้วัดว่าตัวเองอยู่ระดับใดหากเทียบกับทีมจากยุโรป แม้ว่าทั้งสองชาติจะเป็นทีมเกรดซี แต่ก็ถือว่าเป็นหมุดหมายชั้นดี รวมถึงเป็นประสบการณ์การได้ออกไปเล่นเป็นเกมเยือนที่เกิดขึ้นไม่บ่อย
เหตุผลก็คงมาจากเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจตัดสินใจ ไม่ว่าจะทางตรงอย่าง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือทางอ้อม จากเหล่าทีมใหญ่ที่มีสิทธิ มีอำนาจในการเอ่ยปากขอ เพราะเห็นว่า การไปอุ่นเครื่องกับทั้ง จอร์เจีย และเอสโตเนีย ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับทั้งทีมชาติไทย และเหล่านักเตะคนสำคัญของสโมสรพวกเขา สู้เอาเวลามาเตรียมทีมไปสู้ศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีผลโดยตรงกับสโมสรตนเองดูจะคุ้มค่ากว่า
ซึ่งเป็นความคิดที่สวนทางกับความคิดส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดของ แฟนฟุตบอลชาวไทยเอามากๆ เราอาจจะเรียกได้ว่า สิทธิ และเสียงของสโมสรใหญ่ว่าทีมชาติ ก็ว่าได้
การแพ้ถึง 8 ประตู อาจจะไม่ใช่การพ่ายแพ้ที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ก็เป็นอาการเจ็บช้ำไม่น้อย เชื่อว่าไม่มีใครโทษนักฟุตบอลที่เล่นได้ไม่ดีพอ มีแต่กำลังใจหลังเกมที่พวกเขายอมเสียสละเดินทางไกลๆ เพื่อลงเล่นให้กับ ‘ช้างศึก’
แต่สิ่งที่ต้องโทษ และต้องเป็นผู้รับผิดชอบคงหนีไม่พ้น 2 ส่วนใหญ่ คนแรกคือ มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติ แน่นอนมันคงมีปัจจัยหลายๆ อย่างบีบให้เฮดโค้ชชาวบราซิล เลือกใครได้ หรือเลือกใครไม่ได้ แต่เขาก็มีอำนาจมากพอที่จะไม่จิ้มตัวผู้เล่นตามคำสั่ง การที่เขาเลือกจะไม่เลือกตัวผู้เล่นชุดหลัก ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการล้มศรัทธาของชาวไทย ที่ต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบผลงานดังกล่าว
อีกหนึ่งตัวละครที่ต้องออกมารับเสียงด่าโดยตรงคือ เหล่าผู้บริหาร แน่นอนจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เป็นคนได้รับผลประโยชน์จากการไม่เรียกตัวผู้เล่นของพวกเขาเข้าสู่ทีมชาติในช่วงเวลานี้ อีกหนึ่งคนก็คือ ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้จัดการทีมชาติไทย (ไม่ต้องไปนับ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่เหมือนวางมือไม่สนใจอะไรแล้ว)
มาดามแป้ง เป็นคนเดียวที่ออกมาพูดหลังเกมกับจอร์เจียว่า “ในฐานะผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยและคนรักฟุตบอล แป้ง เข้าใจทุกความรู้สึกของแฟนฟุตบอลไทยดี กับ ผลการแข่งขันอุ่นเครื่องที่เราพบกับ จอร์เจีย ตลอดระยะเวลา 16 ปี ที่แป้งทำฟุตบอลมา วันนี้เป็นหนึ่งในวันที่แป้ง เสียใจ และ เจ็บปวดมากที่สุดไม่ต่างกับความรู้สึกของแฟนฟุตบอลไทยทั้งประเทศ”
“การอุ่นเครื่องครั้งนี้ มีข้อจำกัดหลายอย่างในหลายมิติ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็ตาม แป้ง อยากขอโทษจากใจจริงสำหรับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น โดยพร้อมรับคำวิจารณ์ และข้อติติงทั้งหมด เพื่อนำไปเป็นบทเรียนและหลีกเลี่ยงไม่ให้ทีมชาติไทย ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อีก การอุ่นเครื่องกับทีมในยุโรปในครั้งนี้คงจะเป็นประสบการณ์สำคัญที่เราจะนำมาพัฒนาแนวทางการพัฒนาทีมชาติไทยให้มีความพร้อมทุกด้านมากขึ้น โดยแป้งพร้อมจะทุ่มเทแรงกายใจอย่างสุดความสามารถเพื่อเป้าหมายนั้น”
สุดท้ายแล้วเสียงจากแฟนบอล คือเสียงสะท้อนสำคัญที่สุดว่าสิ่งที่พวกคุณผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจลงไป มันเป็นอย่างไร และคำขอโทษก็ไม่ใช่เครื่องเรียกศรัทธาที่พังทลายลงไปจากการตัดสินใจของคนไม่กี่คนต่อทีมชาติของคนไทยทั้งประเทศ
เขียนโดย The Lite Team.