วิคเตอร์ โบนิเฟซ เกิดในปี 2000 ที่ประเทศไนจีเรีย ซึ่งก็เหมือนเด็กชาวแอฟริกาทั่วไปที่ความยากจนเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของชีวิต เขาหาเวลาว่างมาเตะฟุตบอลกับเพื่อนฝูงตามข้างถนนมาตลอด ก่อนที่ เรอัล แซฟไฟร์ สโมสรฟุตบอลระดับอีลีตของประเทศ จะเห็นแวว และดึงไปร่วมอะคาเดมี่ของทีม

หัวหอกรายนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อนร่วมรุ่น เขาไม่ได้มีสไตล์การเล่นที่ตะบี้ตะบันยิงเพื่อทำประตูเพียงอย่างเดียว แต่พยายามมีส่วนร่วมกับเกมแทบทุกจังหวะ แน่นอนว่าการเล่นแบบใจกว้างทำให้ โบโด กลิมท์ สโมสรแห่งศึกเอลีเตอเซเรียน นอร์เวย์ ต้องการนำตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธโอกาสดีๆ แบบนี้ไปได้

การเดินทางมายังเมืองโบโด ครั้งนี้ ในช่วงแรกเขาต้องพบเจอกับความผิดหวังด้วยวัยเพียง 18 ปี สำหรับคนอื่นๆ อาจจะเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตและฟื้นตัวได้เร็ว แต่ไม่ใช่กับ โบนิเฟซ เนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาดตั้งแต่ซ้อมครั้งแรกๆ ทำให้ในฤดูกาล 2019 ส่วนใหญ่เขาต้องพักฟื้นรักษาอาการ กว่าจะได้มีโอกาสลงสนามก็เป็นช่วงกลางฤดูกาลไปแล้ว โดยทำได้ 10 ประตู 2 แอสซิสต์จากทุกรายการ

แต่ในซีซั่นต่อมา เจ้าตัวยังไม่ฟิตเต็มร้อย ส่วนมากต้องอยู่บนม้านั่งสำรอง ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ฤดูกาล 2021 เขาก้ได้รับบาดเจ็บ ‘ACL’ ครั้งที่ 2 แต่คราวนี้หนักกว่าเดิมมาก และต้องพักยาวข้ามปีเลยที่เดียว

หลังจากนอนเตียงไปเกือบปี กายภาพบำบัดอีกเล็กน้อย เขาได้กลับมาประเดิมสนามอีกครั้งในแมตช์ถ้วยเล็กสุดของทวีป ในรอบเพลย์ออฟ ที่ต้องปะทะกับ กลาสโกว์ เซลติก โดยตอนนั้นทีมต้องเสี่ยงเข็นเขาลงสนามก่อนที่จะฟื้นฟูเสร็จสิ้น เพราะขาดแคลนศูนย์หน้า

จนกระทั้ง อูนิยง แซงต์-ชิลลัวส์ ได้ยื่นข้อเสนอ 2 ล้านยูโร คว้าตัว โบนิเฟซ มาจาก โบโด กลิมท์ เพื่อเสริมแกร่งในการทวงแชมป์ลีกเบลเยียมอีกครั้ง โดยเขาย้ายเข้ามาแทนที่ เดนิส อุนดาฟ ดาวซัลโวของทีมที่ต้องส่งคืนให้กับ ไบร์ทตัน ไป และในแรกฤดูกาลที่ย้ายมา เขาทำได้ 19 ประตู 7 แอสซิสต์จาก 40 เกม

ก่อนที่ฟอร์มของเขาจะเข้าตา ชาบี อลอนโซ่ นายใหญ่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และได้ย้ายมายัง บุนเดสลีกา ในที่สุด ด้วยสัญญาถึงปี 2028 กับทัพ ‘ห้างขายยา’ และ โบนิฟาเซ่ ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวใดๆ เขาแจ้งเกิดได้ทันทีกับเส้นทางใหม่ใน เยอรมัน เพราะตอนนี้ซัดไปแล้ว 9 ประตู 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 10 นัด

โดยช่วยให้ทีมมีความอันตรายและจัดจ้านในเกมรุก ยิงได้อย่างต่ำ 2 ประตูขึ้นไปทุกนัด และยังไม่แพ้ใครตลอด 10 นัดรวมทุกรายการ และครองตำแหน่งจ่าฝูง บุนเดสลีกา ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงต้นซีซั่นแต่ต้องยอมรับเลยว่าค่าตัว 20 ล้านยูโรที่ เลเวอร์คูเซ่น ลงทุนไปมันคุ้มค่าแล้วจริงๆ

เขียนโดย The Lite Team.