ชวนคุยก่อนเกม: เริ่มต้น ‘อินทรีเหล็ก’ ยุคใหม่ในมือ ‘นาเกลส์มันน์’
เกมอุ่นเครื่องที่จะพบกับทีมชาติสหรัฐอเมริกาในคืนวันเสาร์นี้ จะเป็นการคุมทีมชาติเยอรมนีนัดแรกของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง ยูเลียน นาเกลส์มันน์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว
กุนซือไฟแรงวัย 36 ปี ได้เข้ามากุมบังเหียนพลพรรค ‘อินทรีเหล็ก’ แทนที่ของ ฮันซี่ ฟลิค ที่ทำงานได้อย่างน่าผิดหวัง โดยที่พาทีมคว้าชัยชนะได้เพียง 12 นัดจากการคุมทีมทั้งสิ้น 25 นัด ซึ่งผลงานการพาทีมพ่ายขุนพล ‘ซามูไร’ ไปอย่างสุดช็อกด้วยสกอร์ 4-1 ก็ได้กลายเป็นเกมนัดสุดท้ายของเขา
นาเกลส์มันน์ เข้ามาด้วยสัญญาจนถึงช่วงสิ้นสุดศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ที่พวกเขาเองได้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลเยอรมันหรือ เดเอฟเบ ก็หวังว่าเฮดโค้ชรายนี้จะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ และพาทีมไปสู่จุดสูงสุดของรายการใหญ่ประจำทวีปให้ได้
เยอรมนียุคใหม่ภายใต้การนำของอดีตโค้ช บาเยิร์น มิวนิค ก็จะเริ่มต้นด้วยการพบกับ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งทวีปอเมริกาเหนือ โดยจะพบกับ สหรัฐอเมริกา ในคืนวันที่ 15 ตุลาคม ก่อนที่จะดวลแข้งกับ เม็กซิโก ในช่วงเช้าวันที่ 18 ตุลาคม
ทางด้านของ ‘แยงกี้ส์’ เองก็เพิ่งได้โค้ชใหม่หน้าเก่ากลับมาคุมทีมเช่นกัน โดยที่ เกร็ก เบอร์ฮาลเตอร์ ได้หวนกลับมารับงานคุมทีมชาติอีกครั้งเมื่อ 3 เดือนก่อน หลังจากที่หมดสัญญากับทีมไปหลังจบศึกฟุตบอลโลก ที่ประเทศกาตาร์
การบินข้ามทวีปมาลงเล่นกับ สหรัฐฯ ไม่ใช่งานง่ายของ นาเกลส์มันน์ อย่างแน่นอน ด้วยการที่พวกเขามีตัวผู้เล่นหลายต่อหลายรายที่ค้าแข้งอยู่ในสโมสรระดับท็อปของยุโรป ทำให้เกมนี้เหมาะสมกับการที่จะทดสอบฝีมือของนายใหญ่คนใหม่ของขุนพล ‘เมืองเบียร์’ รวมถึงการได้หาตัวนักเตะที่จะเหมาะสมกับระบบการเล่นของเขาอีกด้วย
เหล่านักเตะที่ได้เดินทางไปลุยที่ดินแดนแห่งเสรีภาพ ก็แทบจะเป็นหน้าเก่าเกือบทั้งหมด เช่น มุลเลอร์, คิมมิช, ซาเน่, โกเร็ตซ์ก้า, ฮุมเมลส์, รูดิเกอร์ และจะขาดก็เพียงแค่ กนาบรี้ และ นอยเออร์ ที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะรายหลังที่บาดเจ็บยาวมาตั้งแต่ช่วง เวิล์ดคัพ เมื่อปลายปีที่แล้ว
สำหรับเกมนัดนี้ถือว่าเป็นเกมที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทีมชาติเยอรมนี กับการเริ่มต้นครั้งใหม่เพื่อมุ่งหน้าสู่ทัวร์นาเม้นต์ระดับทวีปที่ได้กลับมาเป็นเจ้าภาพในรอบ 36 ปี และห่างหายจากการคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 28 ปี
ถือได้ว่าเป็นแรงกดดันอันหนักอึ้งของ นาเกลส์มันน์ ที่แบกความหวังของคนทั้งประเทศเอาไว้ และถ้าทำผลงานได้ดีใน ยูโร 2024 ก็อาจจะได้เห็นเขายืนคุมแข้ง ‘อินทรีเหล็ก’ ที่ข้างสนามไปอีกทศวรรษเลยก็เป็นได้
เขียนโดย The Lite Team.