ทำซ้ำๆ จนเกิดผลของ โค้ชเทกุ กับ ชลบุรี เอฟซี
ชัยชนะเพียงนัดเดียวจากการลงสนาม 6 นัด ของชลบุรี เอฟซี ในฤดูกาลนี้ น่าจะเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจว่าการเข้ามาคุมทัพของ มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่น จะพาทีมไปได้ไกลเพียงใด
เป้าหมายของเหล่าผู้บริหาร และแฟนฟุตบอลในตัวของ มาโกโตะ เทกุระโมริ คือการเข้ามาวางรากฐาน และปลุกปั้นเยาวชนของ ชลบุรี เอฟซี ที่โดดเด่น และได้รับโอกาสลงเล่นบนลีกสูงสุดอยู่แล้ว ต่อยอดขึ้นไปอีก ให้ดีขึ้นไปอีก
หากเปรียบ ‘ฉลามชล’ กับสโมสรต่างประเทศ พวกเขาก็เป็นพวกที่มีอคาเดมีที่ยอดเยี่ยม โค้ชระดับเยาวชนชั้นยอด และประธานเทคนิค ที่ดีที่สุดอย่าง โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล คอยบ่มเพาะ เหมือนที่ เซาแธมป์ตัน, อาแจ็กซ์ ที่พวกเขาปั้นนักฟุตบอลได้อย่างดี ก่อนจะถูกหลายๆ ทีมดึงตัวไปด้วยราคาค่าตัวที่สูงลิ่ว
วรชิต กนิตศรีบําเพ็ญ คือสิ่งที่พวกเขาปล่อยออกจากทีมไปในราคาที่ทำให้สโมสรหล่อเลี้ยงตัวเองได้อีกหลายเดือน และยังมีนักเตะอย่าง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, กฤษดา กาแมน, ยศกร บูรพา, หรือฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ที่บ่งจนสุก พร้อมที่จะออกไปโลดแล่นนอกประเทศไทย หรือถ้าทีมใหญ่พร้อมทุ่มก็มาเอาไปได้
นั่นคือปรัชญาการทำทีมของ ชลบุรี เอฟซี ในยุคที่พวกเขาไม่ได้ทุ่มเงินเพื่อประสบความสำเร็จ แต่ทำให้ฟุตบอลหล่อเลี้ยงสโมสรได้ด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือการประสบความสำเร็จ หรือพูดง่ายๆ ว่า พวกเขาขึ้นไปเบียดสู้ทีมอย่าง บีจี หรือ บุรีรัมย์เพื่อแย่งโทรฟี่หลักอย่าง ไทยลีก ได้ค่อนข้างยาก อาจพอหวังได้กับฟุตบอลถ้วย
อย่างที่บอกข้างต้น การเลือกใช้ โค้ชเทกุ เพื่อตอบสนองปรัชญาดังกล่าว พร้อมกับฝากความหวังลึกๆ ว่าด้วยประสบการณ์ของโค้ชชาวญี่ปุ่นรายนี้ จะพาเด็กชลบุรี บวกกับตัวต่างชาติ ก้าวขึ้นมาลุ้นสู้กับทีมใหญ่ได้แบบสนุกๆ บ้าง
พวกเขาเปิดฤดูกาลด้วยการออกไปเยือนบ้านใกล้เรือนเคียง น้องใหม่อย่าง ตราด เอฟซี ที่ผลจบลงด้วยการเสมอ 2-2 ด้วยการไล่ยิง 2 ประตูในช่วงครึ่งหลัง ในนัดที่ 2 ‘ฉลามชล’ ได้กลับมาเล่นในรังเหย้าเจอกับ ขอนแก่น เอฟซี แม้ว่าจะจบด้วยผลเสมอ 0-0 แต่พวกเขาครองบอลมากถึง 61.5% มีโอกาสยิง 24 ครั้ง
เช่นเดียวกับในอีกหลายๆ เกม ที่เห็นชัดที่สุดอีกเกมคงจะเป็นเกมที่เปิดบ้านแพ้ อุทัยธานี เอฟซี 0-2 พวกเขาครองบอล 69.8% โอสกาสยิง 23 ครั้ง แต่ไม่ได้ซักประตูเดียว
ชลบุรี เอฟซี ภายใต้การคุมทีมของ มาโกโตะ เทกุระโมริ เน้นการเล่นฟุตบอลกับพื้น จ่ายบอกไปตามช่อง ไปหาผู้เล่นที่ว่าง เน้นการเคลื่อนที่ของลูกฟุตบอลไปทั่วทั้งสนาม การเข้าทำส่วนมากมาจากจังหวะการเล่นพื้นที่หน้าไลน์ หรือการทำชิ่ง 1-2 เข้าไปทำประตู พวกเขาไม่ได้เน้นการโจมตีจากด้านข้างที่ใช้ความเร็วของผู้เล่นริมเส้น หรือความเร็วของกองหน้าในการสร้างความอันตราย แต่ค่อยๆ ลำเลียงบอล หาช่องเจาะไปอย่างใจเย็น
หากอ่านมาถึงตรงนี้ วิธีการเล่นของ ชลบุรี ก็ดูเป็นรูปแบบ ดูเป็นวิธีการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ ที่หลายๆ ที่อยากเล่น แต่หากดูประกอบกับฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ แฟนบอลคงเลือกชัยชนะ แต่เล่นไม่สวยดีกว่า จนทำให้ โค้ชเทกุ กลายเป็นเต็งในการโดนปลดออกจากตำแหน่ง แม้ว่าบอร์ดบริหารจะให้ความเชื่อใจ และย้ำว่าเขาต้องการวางรากฐานทีม ซึ่งต้องใช้เวลา
แม้ว่าผลงานของทีมจะย่ำแย่เพียงใด อันดับจะร่วงลงไปอยู่ท้ายตาราง แต่อดีตเฮดโค้ชบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยังคงยึดวิธีการเล่นแบบเดิมๆ ที่เขาเชื่อมั่น ที่เขาต้องการให้ เหล่าฉลามเล่นให้ได้ จนมันมาออกดอกออกผล เริ่มผลิบานในเกมที่เจอกับคู่ต่อสู้ที่แกร่งที่สุดอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แถมยังเป็นการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน
เกมดังกล่าวพวกเขาเปิดหัวได้อย่างยอดแย่ โดนยิงตั้งแต่นาทีที่ 7 ก่อนที่จะมาเหลือ 10 คนในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่หากมาดูรูปเกมโดยรวมตลอดทั้งเกม ชลบุรี ค่อยๆ ขึ้นเกมอย่างใจเย็น ต่อบอลไปเรื่อยๆ หาช่องเข้าทำแม้ว่า จะดูน่าเบื่อ แต่พวกเขาก็ต่อกรกับ บุรีรัมย์ ได้อย่างดี และสามารถมายิงได้ถึง 2 ประตูในช่วงครึ่งหลัง และทั้งสองประตูก็เกิดในช่วงที่พวกเขาเหลือผู้เล่น 10 คนอีกด้วย
ชลบุรี เอฟซี จบเกมด้วย 1 คะแนนที่ยิ่งใหญ่ พร้อมกับสถิติหลังเกมที่ใกล้เคียงกับบุรีรัมย์ พวกเขาครองบอล 45.7% มีโอกาสยิง 11 ครั้ง น้อยกว่าเจ้าบ้าน 4 ครั้ง ส่งบอลจำนวน 327 ครั้ง น้อยกว่าเพียง 40 กว่าครั้งเท่านั้น อย่าลืมว่าพวกเขาตัวผู้เล่นน้อยกว่าเกือบ 45 นาที
มาโกโตะ เทกุระโมริ ยึดมั่น และทำซ้ำๆ จนเริ่มผลิดอกให้เห็นถึงอนาคต และช่องทางว่า ชลบุรี เอฟซี จะไปได้ และไปได้ไกลกว่าเดิม ขอเพียงแค่เวลา และโอกาสเท่านั้น
เขียนโดย The Lite Team.