ครั้งสุดท้ายที่ทัพ ‘ปืนใหญ่’ คว้าถ้วยนี้ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2004 ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์แบบไร้พ่าย จนเป็นตำนานเล่าขานมาถึงปัจจุบัน แต่เชื่อว่าสาวก ‘เดอะ กูนเนอร์’ คงไม่มีใครคิดว่าจะต้องรอโทรฟี่นี้มายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ

ซีซั่นที่แล้ว ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เกือบจะไปถึงฝั่งฝัน เมื่อเป็นจ่าฝูงยาวนานถึง 248 วัน ก่อนจะแหกโค้งในท้ายที่สุด และกลายเป็นทีมที่อยู่บนหัวตารางยาวนานที่สุด ‘แต่ไม่ได้แชมป์’

ส่วนทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่แค่เพียงปาดหน้า อาร์เซนอล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ว่าพวกเขามีฤดูกาลที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เมื่อสามารถคว้า ทริปเบิล แชมป์ ได้สำเร็จ โดยมีชัยเหนือ คู่ปรับร่วมเมืองใน เอฟเอ คัพ และ อินเตอร์ มิลาน ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จนทุกคนได้เห็นภาพ แจ็ค กลีลิช ฉลองสามวันสามคืน

การดวลกันในค่ำคืนนี้ ถึงแม้จะเป็นการโคจรมาพบกันในช่วงต้นฤดูกาล แต่ความสำคัญก็ไม่ได้ลดน้อยลง  เพราะเมื่อซีซั่นที่แล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถเอาชนะอดีตผู้ช่วย ได้ทั้งสองเกม ส่งผลให้สุดท้ายแล้วพวกเขาจบฤดูกาล โดยมีมากกว่า 5 คะแนน ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า อาร์เตต้า ก็ทราบถึงเรื่องนี้ดี และมีบทเรียนแล้วว่า หากคิดจะเป็นแชมป์ ก็ต้องชนะแชมป์ให้ได้

อย่างไรก็ตามสถิติแบบ เฮดทูเฮด ต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ข่มพอสมควร เพราะ 12 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะ อาร์เซนอล ได้ 100% หรือพูดง่ายๆคือ 6 ฤดูกาลต่อเนื่อง แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเป็นกังวลคือการที่จะขาด โรดรี้ มิดฟิลด์คนสำคัญของทีมที่ยังติดโทษแบน โดยสองเกมเกมหน้าที่ทีมไม่มีเขา ต้องพบกับความพ่ายแพ้ทั้งสองนัด

ด้วยการที่เล่นในบ้าน พร้อมกับแรงแค้นจากฤดูกาลที่แล้ว เชื่อเหลือเกินว่า ‘ปืนใหญ่’ หมายมั่นปั้นมือ จะจม ‘เรือใบ’ ลงไปให้ได้ เพราะอย่างน้อยๆก็เป็นการตัดไม่ข่มนามกันแต่หัววัน แล้วหวังว่าสุดท้ายถ้วยพรีเมียร์ลีก จะกลับมายังสโมสรอีกครั้ง

เขียนโดย The Lite Team.