คอลัมน์ทีแรกผมตั้งใจจะเขียนถึงทัพ ‘หงส์แดง’ ในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมานี่แหละครับ เพียงแต่การที่เมื่อวันก่อน คอสตาส ชิมิกาส จรดน้ำหมึก ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะบรรยายความรักของผมต่อผู้ชายคนนี้

แบ็คซ้ายทีมชาติกรีซ ใจถึงย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทั้งๆที่รู้ดีว่า ตำแหน่งตรงนั้นมีสุดยอดนักเตะอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เล่นได้อย่างสุดยอด จนพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาได้หมาดๆ แต่ก็พร้อมจะเข้ามาท้าชิงพื้นที่ตรงนั้น

อย่างไรก็ตามซีซั่นแรก การที่ผู้เล่นกองหลังพากันบาดเจ็บ ส่งผลให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่อาจจะโรเตชั่นตำแหน่งนี้ได้ และจำเป็นต้องฝืนใช้ ‘ร็อบโบ้’ ประจำการเพื่อคอยพยุงคู่เซ็นเตอร์ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง นักเตะบางคนคงเก็บกระเป๋าย้ายออกไปแล้ว

แต่การที่เขาอยู่สู้ต่อ ปีถัดมาก็ได้มีโอกาสลงสนามบ่อยขึ้น แถมยังพูดในค่ำคืนที่ทีมเป็นแชมป์ คาราบาว คัพ อีกด้วยว่า “ผมเป็น สเก๊าเซอร์กรีก” หมายถึงว่า ถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นชาวกรีก แต่ก็รักที่นี่เหมือนคนเมือง ลิเวอร์พูล แท้ๆ

แล้วซีนสำคัญในชีวิตของ ชิมิกาส ก็มาถึง เมื่อในเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมสัน เมาท์ สังหารจุดโทษติดมือของ อลิสสัน เบ็คเกอร์ เขาคือผู้ที่อาสาไว้แต่ต้นว่า “ขอยิงเป็นคนที่ 7” 

‘สเก๊าเซอร์กรีก’ วิ่งมาแปลด้วยซ้าย พร้อมกับการพุ่งผิดทางของ นายด่านเชลซี ทำให้เขากลายเป็นผู้ยิงพาทีมคว้าถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดของโลกลูกหนังได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม บทบาทของเขาในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงเป็นได้เพียงตัวสำรองของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จนถึงปัจจุบัน ซึ่งทั้งที่จริงเขาสามารถย้ายไปเป็นตัวจริงที่สโมสรอื่นได้สบายๆ แต่แล้วเจ้าตัวกลับต่อสัญญาอยู่กับทีม ออกไปจนถึงปี 2025

คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การที่มีนักเตะซึ่งเล่นได้ในรูปแบบคล้ายคลึงกัน จนสามารถส่งใครลงสนามก็ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการเล่นของทีม และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นตัวจริง ก็พร้อมจะอยู่เพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ

ร่ายยาวมาทั้งหมด เพื่อที่จะบอกข้อความนี้กับ คอสตาส ชิมากาส ว่า “รักนายนะ เจ้ากรีกสเก๊าเซอร์”

เขียนโดย The Lite Team.