เกมอุ่นเครื่องครั้งล่าสุดที่ทีมชาติไทย ได้ไปเล่นนอกทวีปเอเชีย น่าจะนานจนแทบจะไม่มีใครจำได้ ถ้าความทรงจำ และการหาข้อมูลไม่ได้ผิดพลาดอะไร ต้องย้อนไปถึงปี 2010 ที่ ‘ช้างศึก’ บุกอุ่นเครื่องกับ แอฟริกาใต้ ในเกมลองสนามก่อนที่จะจัด ฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งเป็นการพ่ายแพ้ 0-4 

ดังนั้นเมื่อข่าวที่สมาคมฟุตบอล ประกาศว่าในช่วงปลายปีนี้ ไทย ของเราจะได้บินไปเก็บตัวกันที่ยุโรป ได้อุ่นเครื่องกับ 2 ชาติอย่าง จอร์เจีย และเอสโตเนีย ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับวงการฟุตบอลไทย เพราะอย่างที่เกริ่นไป ถ้าไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทีมชาติไทย แทบจะไม่เคยไปเก็บตัวอุ่นเครื่องนอกประเทศเลย อีกอย่างคือหลังจากที่ ยูฟ่า จัดการแข่งขัน เนชั่น ลีก ขึ้นมา การที่จะได้อุ่นกับชาติยุโรป แทบจะหมดไป เพราะโปรแกรมการแข่งขันกลายเป็นของ เนชั่น ลีก เกือบตลอดเวลา 

แม้จะไม่ใช่ชาติที่ยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป เอสโตเนีย อันดับโลกอยู่ที่ 115 ต่ำกว่าไทย (112) ส่วนจอร์เจีย อันดับ 79 แต่การได้ลงเล่นเจอผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในลีกยุโรป ย่อมเป็นผลดีต่อนักฟุตบอลของไทย โดยเฉพาะ จอร์เจีย ที่มีทั้ง ควิชา ควารัตสเคเรีย ปีกจาก นาโปลี ที่เป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้า สคูเด็ตโต้ ในฤดูกาลที่แล้ว และอีกหลายคนที่ค้าแข่งอยู่ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป การได้เล่นกับทีมเหล่านี้มีแต่ได้กับได้

ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นการดีใจเก้อของแฟนบอลชาวไทย เพราะล่าสุดมีข่าวลือ และน่าจะค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ทีมชาติไทย ชุดที่จะอุ่นเครื่องกับ จอร์เจีย และเอสโตเนีย ในช่วงเดือนตุลาคม จะไม่ใช่ทีมชาติชุดที่ดีที่สุด โดยน่าจะมี 2 สโมสรแน่ๆ ที่ไม่ปล่อยนักเตะมาเล่น แม้ว่าจะเป็นช่วง ฟีฟ่า เดย์ ก็ตาม ได้แก่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, และลีโอเชียงราย ยูไนเต็ด 

สำหรับ บุรีรัมย์​ และเชียงราย มีโปรแกรมการแข่งขันเจอกันในวันที่ 20 ต.ค. แต่เกมกับ เอสโตเนีย จะเล่นวันสุดท้ายของ ฟีฟ่า เดย์ คือ วันที่ 17 ตุลา จากนั้นวันที่ 18 ต้องเดินทางกลับประเทศไทย เท่ากับว่านักเตะจะมีเวลาพักแค่วันเดียว คือ 19 ตุลา

ล่าสุด มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมเข้าใจและพร้อมสนับสนุนทุกสโมสรที่กำลังทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยในภารกิจ ACL ซึ่งโปรแกรมอาจจะคาบเกี่ยวกับฟีฟ่าเดย์ในเดือนตุลาคม แต่ในระเบียบของฟีฟ่าก็มีระบุไว้เพื่อปกป้องตัวนักกีฬาเช่นกันว่าในกรณีที่ลงสนามรับใช้ชาติหรือลงเล่น นักกีฬาควรจะมีเวลาพักที่เหมาะสม และกลับสู่สโมสรภายใน 48 ชั่วโมงหลับจบฟีฟ่าเดย์ บางสโมสรที่มีโปรแกรมไม่ทับซ้อนหรือคาบเกี่ยวกัน พอจะหารือกันได้ตรงนี้เราต้องทำงานร่วมกัน พูดคุยกันหาทางออกเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวนักกีฬา สโมสร และทีมชาติไทย"

 “ผมมีลิสต์รายชื่อ 50 คน อยู่ในมือ ซึ่งมีนักเตะหน้าใหม่ที่โชว์ฟอร์มดีมากมาย และหวังว่าพวกเขาเหล่านี้จะทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง” หมายความว่า เฮดโค้ชชาวบราซิล อาจจะยอมรับกลายๆ แล้วว่า ฟีฟ่า เดย์ ครั้งน่าจะต้องเรียกชุด B ไปแข่งแทนที่จะได้ชุดที่ดีที่สุดไปเจอกับกับทีมระดับโลก 

แต่บทสรุปก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พิมพ์มาหากโปรแกรมการแข่งขัน ไทยลีก ในสัปดาห์ที่ 8 ถูกเลื่อนออกไป และให้ทีมยักษ์ใหญ่มีว่าพักก่อนที่จะไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงวันที่ 24-25 ตุลาคม ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็ออกมาบอกว่าจะคุยกับทางไทยลีก เพื่อขยับโปรแกรมบางเกมออกไป 

“เท่าที่ผมทราบนักฟุบอลหลายคนอยากเล่นเกมนี้เพราะต้องการไปสัมผัสการเล่นกับทีมในยุโรป ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ทีมชาติไทย ได้ออกไปเยือน และสมาคมฯ พร้อมสนับสนุนให้ได้นักฟุตบอลระดับสูงๆ ไปผมได้หารือกับสโมสรจะมีการ ขยับโปรแกรมไทยลีกบางเกม เพื่อเอื้อประโยชน์กับสโมสรและนักฟุตบอล คิดว่าน่าจะได้ตัวนักฟุตบอล แม้จะไม่ครบ แต่เชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพ”

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าใครจะได้ติดทีมชาติไทย ไปเล่นกับ จอร์เจีย และเอสโตเนีย จะเป็นชุดใหญ่ จะเป็นชุดสำรอง ก็เป็นประโยชน์ต่อนักฟุตบอลด้วยกันทั้งแต่ แต่คำถามก็คงมีแต่ว่า สมาคมฟุตบอล ไม่ได้ดูผังโปรแกรมการแข่งขันก่อนหรือ จึงได้เลือกวันแข่งที่มันเกือบจะซ้อนทับกัน หรืออาจจะคิดว่าเป็นแค่การอุ่นเครื่องจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร

เขียนโดย The Lite Team.