คู่แรกในเวลาสองทุ่มตามเวลาบ้านเรา จะเป็นการพบกันระหว่าง บอร์นมัธ ที่เพิ่งเปลี่ยนกุนซือใหม่เป็น อันโดนี่ อิราโอร่า ผู้จัดการทีมชาวสเปน ซึ่งต้องบอกว่าการปรับทับในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พวกเขาถูกวิจารณ์เป็นอย่างมาก

ฤดูกาลที่แล้ว แกรี่ โอนีลล์ พาทีมรอดตกชั้นได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังฝากผลงานการเอาชนะทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ แต่สุดท้ายทันทีที่ซีซั่นม่านรูด เอ้ย!! รูดม่านปิดฉากลงไป บอร์ดบริหารก็ตัดสินใจปลดเขาเพื่อหวังว่าจะขยับขึ้นไปเป็นทีมระดับกลางตาราง 

บอร์นมัธ แต่งตั้ง อันโดนี่ อิราโอร่า ซึ่งเคยคุม ราโญ่ บาเญกาโน่ ใน ลาลีกา สเปน พร้อมกับลงทุนมหาศาลมากถึง 109 ล้านปอนด์ มากกว่าทีมอย่าง แอสตัน วิลล่า หรือ ไบรท์ตัน ที่จะได้ไปโชว์ฝีเท้าในเวทียุโรปเสียอีก 

แต่ถึงกระนั้น 4 เกมแรก พวกเขาเก็บได้เพียง 2 คะแนน และยังสะกดคำว่า ‘ชนะ’ ไม่เป็น

ส่วนทีมเยือนอย่าง เชลซี เป็นสโมสรที่ใช้จ่ายสูงสุดในซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ในพรีเมียร์ลีก แต่มากสุดในยุโรป และเผลอๆจะเป็นตัวเลขที่สูงกว่า บางลีกรวมกัน โดยทุ่มเงินไปถึง 424 ล้านปอนด์ หรือดีดลูกคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบๆ 19,000 ล้านบาท 

สาวก ‘สิงห์บลู’ ต้องทนทุกข์นับตั้งแต่เจ้าของอยู่ในมือ ท็อดด์ โบห์ลี่ ที่ฤดูกาลแรกพวกเขาก็ต้องบอบช้ำอย่างหนัก ถึงกับจบซีซั่นในอันดับที่ 12 ของตาราง

เชลซี มีเวลาได้รีเซ็ททีมหลายเดือน พร้อมกับเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และเมื่อซีซั่นใหม่ เริ่มต้นได้ 4 นัด สุดท้ายพวกเขาก็ต้องร้องเพลงของวง อีโบล่า ว่า ‘กลับสู่จุดเริ่มต้น’ เพราะว่าผลงานของพวกเขาตอนนี้คือ ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ซึ่งเป็นการปราชัยต่อเพื่อนร่วมเมือง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และพังคาบ้านให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ส่งผลให้ตอนนี้พวกเขาเป็นที่สองของครึ่งล่าง

เกมในค่ำคืนนี้จะสำคัญกับ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ซึ่งต้องเก็บ 3 คะแนนมาให้ได้เท่านั้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และหวังว่าทีมใหญ่จะมีสะดุดบ้างเพราะต้องไปเล่นฟุตบอลยุโรป ส่วนพวกเขาจะได้พักเต็มๆเพื่อหวดในอังกฤษอย่างเดียว แต่หาก เชลซี กล้าแพ้ให้กับ บอร์นมัธ ที่ยังไม่ชนะใครล่ะก็ เตรียมภาวนาให้รีบจบฤดูกาลได้เลย

เขียนโดย The Lite Team.