สำหรับเกมในวันนี้ที่จะมาพูดถึงคือเกมรอบคัดเลือกในกลุ่ม C ที่ 2 ทีมจากหัวตารางจะต้องมาเจอกันเองอย่างทีมชาติยูเครนและทีมชาติอังกฤษ โดยที่เกมนี้จะเตะกันที่ สตาดิโอน วรอตซวาฟ ในประเทศโปแลนด์ เนื่องจากสถานการณ์ที่ยังไม่นิ่งในประเทศยูเครนนั่นเอง

เกมก่อนหน้านี้ของพวกเขาก็คือเกมรอบแบ่งกลุ่มของรายการเดียวกันนี้เมื่อ 6 เดือนก่อน โดยที่เป็นทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่สามารถคว้าชัยชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ที่ เวมบลีย์

แต่หลังจากนั้นทัพ ‘ฟ้าเหลือง’ ก็ได้มีการเปลี่ยนตัวกุนซือมาเป็น เซอร์กี้ เรบรอฟ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้ 2 เกมติดต่อกัน เริ่มด้วยการบุกไปชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-2 ก่อนที่จะเฉือนชนะ มอลต้า 1-0 ส่งผลให้พวกเขารั้งอยู่ในอันดับที่ 2 ของกลุ่ม C 

ข้ามมาทางฟากของทีมขวัญใจมหาชนอย่างพลพรรค ‘สิงโตคำราม’ ที่ยึดจ่าฝูงของกลุ่มได้อย่างสวยงาม จากผลงานชนะ 4 นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม เปิดมานัดแรกพวกเขาก็สามารถบุกไปชนะแชมป์เก่าในรายการนี้อย่าง อิตาลี ได้ถึงถิ่น ก่อนที่จะเอาชนะ ยูเครน, มอลต้า และ มาซิโดเนียเหนือ โดย 3 นัดดังกล่าว พวกเขายิงได้ถึง 13 ประตูและไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียว

นอกจากนี้พวกเขายังทิ้งห่างคู่แข่งของเกมในวันนี้อยู่ถึง 6 คะแนนด้วยกัน

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีชาติไหนในยุโรปที่สามารถทำผลงานได้เทียบเท่ากับทีมของ เซาธ์เกต เลย และพวกเขาไม่แพ้ในรอบคัดเลือกยูโรมาแล้วถึง 7 นัด หนล่าสุดที่เสียท่าคือในเกมที่แพ้ให้กับทีมชาติเช็กเมื่อปี 2019

ถ้าหากในนัดนี้ขุนพล ‘ทรีไลออนส์’ สามารถคว้าชัยชนะและเก็บได้ 15 คะแนนเต็มจากการลงเล่น 5 นัด ก็แทบจะเป็นการการันตีเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในปีหน้าเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติยังมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะไม่ได้ไปก็เป็นได้ แต่ในเรื่องของขวัญและกำลังใจ พวกเขาคงไม่ปล่อยให้โอกาสลอยหลุดมือไปง่ายๆ

เชื่อว่ายังไงนัดนี้ทีมชาติอังกฤษ อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะมีแต้มติดไม้ติดมือกลับบ้านไป จากปัจจัยหลายๆอย่างของทีมจากยุโรปตะวันออก ทั้งเรื่องของการที่ต้องเตะสนามกลาง รวมถึงเฮดโค้ชที่เพิ่งเข้ามาใหม่ อะไรหลายๆอย่างอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง

อย่างไรก็ตาม ด้วยประโยคสุดคลาสสิคที่ว่า ‘ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้’ ยิ่งทำให้เราอยากจะให้กำลังทีมเล็กๆมากกว่าเดิม ก็อย่าลืมติดตามกันนะครับ คืนนี้ 5 ทุ่มตรงทาง UEFA.TV