ชวนคุยก่อนเกม: บทพิสูจน์ของ ‘สาลิกาดง’ กับการเยือน ‘เรือใบ’
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงจากในเกมแรก ต้องมาเจอกับของแข็งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่ในเกมที่ 2 ของโปรแกรม พรีเมียร์ลีก กันเลยทีเดียว
นิวคาสเซิล ทำผลงานดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงปรีซีซั่น โดยที่พวกเขาไม่แพ้ใครเลยแม้แต่นัดเดียวในการอุ่นเครื่องตลอด 7 นัดที่ผ่านมา ลามมาจนถึงในเกมนัดเปิดสนามที่เจอกับ แอสตัน วิลล่า พวกเขาก็โชว์ฟอร์มดุ เปิดบ้านไล่ต้อนทีมของ อูไน เอเมรี่ ซะจนหาทางกลับบ้านแทบไม่ได้
ด้วยผลงานการยิงไปถึง 5 ประตูในนัดนั้น ทำให้ ‘เดอะ แม็กพายส์’ ทะยานขึ้นเป็นจ่าฝูงของลีกได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกของฤดูกาลเลย ซึ่งเป็นการชนะในนัดเปิดซีซั่นด้วยสกอร์ห่างที่สุดของสโมสรในรอบ 20 ปีอีกด้วย
ทางด้านทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ลงเล่นตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์ ก็ทำได้ตามมาตรฐานของพวกเขาเอง ด้วยการสอนบอลให้กับน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาอย่าง เบิร์นลีย์ ไปแบบเบาๆ ด้วยสกอร์ 3-0
ทำให้ตอนนี้ทั้ง 2 ทีมอยู่บนหัวตารางด้วยกันทั้งคู่ มีเพียง ไบรท์ตัน ที่มาคั่นกลางระหว่างพวกเขาเอาไว้
เกมในวันนี้ก็พิเศษหน่อยนึง ตรงที่เตะกันในคืนวันเสาร์ เวลาตี 2 ซึ่งปกติจะจบกันแค่คู่ที่เตะกันช่วง 5 ทุ่มครึ่ง นั่นก็มาจากการที่ พรีเมียร์ลีก ใจดีเลื่อนโปรแกรมให้กับ แมนฯ ซิตี้ ที่ต้องไปเตะ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และคว้าแชมป์มาได้เมื่อคืนวันพุธ
แหม่… จะเลื่อนไปอีกวันก็ไม่ได้นะ
แน่นอนว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อได้เปรียบของ ‘สาลิกาดง’ ที่ได้พักมาอย่างเต็มเหนี่ยว 1 สัปดาห์เต็มๆ ต่างจากทัพ ‘เรือใบ’ ที่มีเวลาได้หายใจหายคอเพียงแค่ 72 ชั่วโมง แถมยังต้องบินกลับมาจากประเทศกรีซกันอีกด้วย
สถิติที่น่าสนใจของเกมนี้ก็คือ นิวคาสเซิล ไม่เคยบุกมาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่ง 14 ครั้งหลังสุดนั้นเป็นการแพ้รวดจาก 18 เกมที่ได้ลงเล่นในสนามแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปที่พวกเขาสามารถเอาบุกมาเอาชนะได้ ก็ตั้งแต่ที่ยังใช้ เมน โร้ด เมื่อปี 2000 นู้นเลย
แต่อดีตก็คืออดีตครับ ปัจจุบัน ‘ทูน อาร์มี’ ได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด นับตั้งแต่ที่กลุ่มทุนซาอุดีอาระเบียเข้ามาเทคโอเวอร์ รวมถึงการได้ ฮาว เข้ามาคุมทีม ซึ่งทำให้พวกเขาคว้าโควต้าไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในรอบ 20 ปี
ในฤดูกาลนี้ พวกเขาก็ได้เสริมทัพที่เข้ามายกระดับให้กับทีมได้อีกเพียบ ทั้ง ซานโดร โตนาลี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนเข้าไปอยู่ในใจของแฟนบอลตั้งแต่เกมแรก รวมถึง ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยผลงานการยิง 1 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์จากการลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่แล้ว
เกมนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของพลพรรค ‘เดอะ แม็กพายส์’ ว่าพวกเขาจะต้านทานเกมรุกและเจาะเกมรับของ ‘เรือใบสีฟ้า’ ได้หรือไม่ ถ้าหากพวกเขาทำได้ดีมากพอที่จะคว้าชัยออกมาในเกมนี้ การมองถึงแชมป์ลีกก็อาจจะไม่ใช่เรื่องลมๆแล้งๆของพวกเขาอีกต่อไป
เขียนโดย The Lite Team.