เริ่มต้นที่ อาร์เซน่อล แชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ หลังจากที่เอาชนะจุดโทษมาได้ยังดูเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเสมอหลังจากที่เจ้าตัวได้เสริมทัพอย่างดุดันไม่เกรงใจใครไม่ว่าจะเป็น ไค ฮาแวทซ์, ดีแคลน ไรซ์ และ ยูเลียน ทิมเบอร์ มาเพิ่มขุมกำลังแนวลึกให้กับทีม นี่ถ้ามีหน้าเป้าที่เด็ดขาดกว่านี้ ไม่อยากจะคิดว่าจะน่ากลัวขนาดไหน

ต่อมาที่ แมนเซสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ดูเหมือนจะเสริมได้ดีทีเดียวทั้ง อังเดร โอนาน่า, เมสัน เมาท์ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าตัวความหวังที่ดันชื่อคล้ายจอมปีศาจอย่าง เออลิ่ง ฮาลันด์ ยังไงไม่รู้ ปีหน้าถ้าปรับตัวกันได้ก็เป็นอีกทีมที่น่ากลัวมากเช่นกัน

ลิเวอร์พูล ถ้าให้พูดตรงๆยังดูไม่น่าจะขึ้นมาลุ้นแย่งแชมป์ได้ แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะแผงแนวบุกดูเหมือนจะเริ่มเข้าขากันได้ดี ที่น่าเป็นห่วงก็คงแนวกลางที่ต้องปรับจูนกันใหม่ สุดท้ายยกให้ เซลซี เนื่องด้วยเป็นทีมที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป นั่นแปลว่าพวกเขาสามารถโฟกัสที่ถ้วยพรีเมียร์ลีกได้แบบคมชัดยิ่งกว่าอะไร ก็ต้องมาดูว่าผู้จัดการทีมคนใหม่จะสามารถรีดศักยภาพทีมได้มากแค่ไหน

ส่วนทีมของเราก็ยังคงออกตัวช้าเหมือนเช่นเคย ทั้งเรื่องการซื้อขายนักเตะและฟอร์มการเล่น ไม่รู้ว่าเพราะเมาค้างหรือร่างการยังไม่พร้อมกันแน่ผลงานการแข่ง 4 เกมล่าสุดนับตั้งแต่จบรอบชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมา ชนะ 2 แพ้ 2 ซึ่งเป็นผลงานที่ไม่น่าพอใจนักโดยชนะการพ่ายแพ้จุดโทษให้กับ ‘ปืนใหญ่’ ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงจุดอ่อนของทีมที่ใครๆก็ดูออก

ศุกร์นี้เราจะได้ไปเยือน เบิร์นลีย์ ทีมของ แวงซองต์ กอมปานี อดีตตำนานของ ‘เรือใบสีฟ้า’ ซึ่งเราต้องการชัยชนะแบบเด็ดขาดเพื่อที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมก่อนที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลถ้วยรางการ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กับ เซบีญ่า และหวังว่าจะได้เห็นนักเตะใหม่อย่าง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ได้ลงโชว์ให้โลกได้เห็นว่าแข็งแกร่งแค่ไหน

ในฐานะแฟนบอล แมนฯซิตี้ ต้องบอกว่า ส่วนตัวไม่แฮปปี้กับการซื้อขายที่ล่าช้าเท่าไรเพราะจะยิ่งทำให้การเล่นได้ตามแผนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นเป็นเรื่องยากเข้าไปอีก ต้องปรับตัวในขณะแข่งขันจริงก็คงเป็นอะไรที่แฟนบอลต้องทำใจ…

เขียนโดย The Lite Team.