เด็กเก็บบอล : ‘บัลเบร์เด้’ มิดฟิลด์เจ้าของค่าฉีกสัญญา 1,000 ล้านยูโร
เพลย์เมกเกอร์ที่น่าจับตามองมากที่สุดคนนึงในยุโรปก็คือ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ของ เรอัล มาดริด เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่แล้ว แม้จะไม่สามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้ แต่เขาก็เป็นที่ชื่นชมอย่างมากจากสื่อและแฟนบอล
เจ้าตัวเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1998 ที่ เมืองมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย เขาเริ่มฉายแววในการเป็นนักเตะตั้งแต่อายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น โดยเจ้าตัวมักใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวัน ฝึกเตะลูกบอลให้เข้าตาข่ายภายในบ้านของตัวเอง เขาทำแบบนั้นอยู่นาน จนกระทั่งครอบครัวรู้ได้ทันทีว่าหนูน้อยเกิดมาเพื่อเป็นนักฟุตบอลอย่างแท้จริง
พออายุได้ 3 ขวบ ครอบครัวของเขาก็พาไปสมัครเป็นนักเตะเยาวชนกับสโมสรท้องถิ่นในบ้านเกิด หลังจากนั้นเขาก็สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเพราะได้รับการฝึกสอนอย่างถูกวิธี เจ้าตัวได้ลงแข่งขันในหลายรายการในระดับเยาวชน
จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นเมื่อ บัลเบร์เด้ มีโอกาสย้ายไปเล่นในระดับอาชีพให้กับสโมสร เปญญาโรล ในประเทศบ้านเกิดในปี 2014 ซึ่งที่นี่เองเขาได้มีโอกาสเจอไอดอลในวัยเด็กอย่าง ดิเอโก้ ฟอร์ลัน อีกด้วย เขาใช้เวลากับ เปญญาโรล แค่ 2 ปี ด้วยฝีเท้าที่เก่งกาจจนเข้าตาแมวมองสโมสรยักษ์ใหญ่จากสเปน ท้ายที่สุด ‘ราชันชุดขาว’ ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ในปี 2016
ในช่วงแรกเจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมสำรองของ มาดริด และถูก ลา กอรุนญ่า ยืมตัวไปใช้งาน จนเข้าสู่ฤดูกาล 2018/19 บัลเบรเด้ ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ ‘โลสบลังโกส’ ในบางนัดจากการผลักดันของ ซานติอาโก้ โซลารี่ ตำนานของสโมสรที่เป็นกุนซือในช่วงเวลาสั้น ๆ
ผ่านมาเวลามาหลายซีซั่นเจ้าตัวได้พัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นมิดฟิลด์ตัวหลักของทีมยุคใหม่ มีส่วนพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน ได้ 2 ครั้ง, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 ครั้งและ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ อีก 1 ครั้ง จนถึงตอนนี้ บัลเบร์เด้ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับ เรอัล มาดริด และพร้อมรับภาระหน้าที่ต่อจากรุ่นพี่ที่เตรียมอำลาสโมสรในอนาคตอันใกล้ทั้ง โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช อย่างเต็มตัว
ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นทำให้ยักษ์ใหญ่แดน ‘กระทิงดุ’ ตัดสินใจขยายสัญญาของเขาออกไปจนถึงปี 2027 โดยเพิ่มมูลค่าค่าฉีกสัญญาจาก 500 ล้านยูโร เป็น 1,000 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่านี่คือนักเตะหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาอย่างแท้จริง
เขียนโดย The Lite Team.