การย้ายทีมในครั้งนี้ถือว่าการทรยศต่อแฟนบอลของ บาร์เซโลน่า อย่างแท้จริง และกรณีนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ในการตั้งค่าฉีกสัญญาแบบแพงชนิดที่ว่าไม่มีสโมสรไหนกล้าจ่าย ซึ่งนี่เป็นดีลที่ไม่เคยมีมาก่อน ในการดึงตัวนักเตะคนสำคัญของศัตรูคู่แข่งที่อาฆาตกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลระหว่าง ‘เจ้าบุญทุ่ม’ กับ ‘ราชันชุดขาว’

ถ้าใครเป็นนักเตะของทีมใดทีมหนึ่ง ก็จะได้รับรู้ถึงความเกลียดชัง และการชิงเป็นเบอร์ 1 ของลีก ซึ่งทำให้ผู้เล่นหลายคนรู้ดีว่าไม่ควรที่จะย้ายข้ามฟากอย่างเด็ดขาด

เรามาเจาะลึกกันว่าทำไม มาดริด ถึงขโมยสตาร์อันเป็นที่รักของ ‘บาร์ซ่า’ ไปยัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ซึ่งต้นตอมาจากคนๆเดียว นั่นก็คือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสร เรอัล มาดริด ในปี 2000 โดย ณ ช่วงเวลานั้นเอง เขาเปรียบเสมือนขั้วอำนาจใหม่ แต่การจะชิงตำแหน่งประธานสโมสร จำเป็นจะต้องได้รับความนิยมจากแฟนบอล, สมาชิก และ ซีอีโอ ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย ทำให้ เปเรซ บ้าบิ่นเสนอโปรเจกค์ที่เป็นไปไม่ได้ เพื่อซื้อใจทุกคน

เขาสัญญากับสาวก ‘โลส บลังโกส’ ว่า “หากได้รับเลือกให้เป็นประธานสโมสร เขาจะทำให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมรวมดาราโลกภายใต้โปรเจกค์ กาลาคติกอส” และหนึ่งในชื่อที่เขาเจาะจงจะเซ็นสัญญาคือ หลุยซ์ ฟิโก้ นักเตะที่ดีที่สุดของ ‘เจ้าบุญทุ่ม’ ในเวลานั้น ซึ่งเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่ดึงสตาร์ชาว โปรตุเกส มาร่วมทัพนั้นจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ แต่ความหัวใสของ เปเรซ คือการจ่ายเงินกินเปล่าให้กับเอเย่นต์ และตัวแข้งชื่อดังรายนี้เป็นจำนวนเงินมหาศาล

มีการเปิดเผยสัญญาในภายยหลังออกมาว่าถ้า เปเรซ ไม่ได้เป็นประธานสโมสร เรอัล มาดริด ทางเอเย่นต์และ ฟิโก้ จะได้เงินกินเปล่าไปแบบฟรีๆ 4 ล้านยูโร แต่ถ้าเขาได้ขึ้นไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว สตาร์ทีมชาติ ‘ฝอยทอง’ จะต้องย้ายมายังเมืองหลวงของสเปน ซึ่งถ้าตัวนักเตะไม่ยอมย้าย เขาจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนครึ่งนึงของค่าฉีกสัญญา ซึ่งทาง ฟิโก้ เองมีค่าฉีกสัญญากับ บาร์เซโลน่า อยู่ที่ 62 ล้านยูโร ทำให้เขาต้องจ่ายให้กับ เปเรซ ที่ 31 ล้านยูโร นั้นเอง 

แม้ว่าเจ้าตัวจะบอกว่าการย้ายไปซบ เรอัล มาดริด จะมีเพียงเหตุผลเรื่องฟุตบอลล้วนๆ แต่ความจริงแล้วเขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย

เขียนโดย The Lite Team.