ข้างบ้านเรือใบ: รวบรวมทุกความทรงจำของฤดูกาลแห่งประวัติศาสตร์
ในรอบปีที่ผ่านมาแฟนบอลได้ร่วมประสบการณ์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การพ่ายแพ้คาบ้านต่อ เบรนด์ฟอร์ด หรือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ต่อ เรอัล มาดริด จนรู้สึกเหมือนขึ้นรถไฟเหาะตลอดเส้นทางการลุ้นแชมป์ทั้ง 3 รายการ
ย้อนกลับไปในนัดแรกของฤดูกาลคือการแข่งขัน คอมมูนิตี้ชิลด์ โดยการเจอกับ ลิเวอร์พูล ทั้งที่เราเพิ่งได้เล่นนัดกระฉับมิตรเพียง 3 เกมเท่านั้น ทำให้ทีมพ่ายแพ้ไปแบบหมดรูป 3-1 จากเกมนั้นทำให้เกิดการพูดถึง ฮาลันด์ สำหรับเกมแรกอย่างเป็นทางการของเขาว่า ‘ที่นี่ไม่ง่ายเหมือนที่เขาเคยเล่นในบุลเดสลีก้านะ’ ในขณะที่คู่แข่งโดยตรงอย่าง ดาวิน นูนเญซ แสดงศักยภาพได้อย่างน่าชื่นชม ก็ไม่น่าแปลกที่จะถูกเปรียบเทียบเพราะทั้งสองคนคือศูนย์หน้าของทีมแย่งแชมป์กันโดยตรงที่หลายสำนักประเมินไว้ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ กองหน้าชาวนอร์เวย์ ยิงไป 9 ประตูในเดือนสิงหาคม จนทำลายสถิติพรีเมียร์ลีก ในขณะที่ ดาวยิงชาวอุรุกวัย ยิงได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น
ในช่วงแรกของฤดูกาลก่อนฟุตบอลโลกต้องบอกว่า ทีมของเป๊ป ดูเหมือนจะมีปัญหาเข้ามาแบบเกือบจะหมดลุ้นแชมป์ ผมในฐานะแฟนบอลก็แอบมีอาการถอดใจเช่นกัน เพราะตลอดเวลา 5 เดือนแรก ทีมไม่สามารถชนะต่อเนื่องได้เกิน 3 เกมเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากๆ แล้วยังแพ้คาบ้านให้กับ เบรนด์ฟอร์ด ไป 2-1 ในนัดสุดท้ายก่อนหยุดเพื่อแข่งฟุตบอลโลก แม้ว่ากองหน้าเราจะยิ่งประตูได้มากมายแต่แนวรับกลับพร้อมจะเสียประตูตลอดเวลาก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก
แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปแบบไม่แน่ชัดว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ทีมกลับมาเล่นได้อย่างน่าเหลือเชื่อคืออะไรกันแน่ ผมมองเห็นถึง 3 เหตุการณ์ที่เข้ามาในเวลาใกล้ๆกัน นั่นคือ ข้อแรก การย้ายออกไปของ เจา คันเซโร่ ผู้ที่ทำให้ห้องแต่งตัวมีปัญหาด้วยบุคลิกที่ไม่ยอมตกที่นั่งสำรองให้ใครและความมั่นใจในตัวเอง ข้อที่สองคือ การกลับมาในร่างกายที่สมบูรณ์ของ รูเบน ดิอาส จอมทัพในแนวหลังที่คอยบัญชาเกมในแผนการเล่นใหม่อย่าง 3-2-4-1 และสุดท้ายเลยคือ การโดนข้อกล่าวหาจากพรีเมียร์ลีก 115 ข้อ เพราะหลังจากนั้นทีมก็ชนะในลีกติดต่อกัน 12 เกมจนเป็นแชมป์
ในส่วนเอฟเอคัพ ทีมเจองานยากตั้งแต่รอบแรกๆ ไม่ว่าจะเป็น เซลซี หรือ อาเซน่อล แต่ก็ดูจะไม่ใช่ปัญหาเพราะถ้วยนี้พี่ใหญ่อย่าง เควินเดอบรอยน์ เคยบอกไว้ว่าอยากได้มากๆ เนื่องจากทีมได้เพียงครั้งเดียวในยุคของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า รอบชิงยิ่งได้เจอกันเพื่อนบ้านคู่แค้นแบบ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งทำให้มีไฟในการเอาชนะด้วยการยิงสุดสวยทั้ง 2 ประตูของกัปตัน กุนโดกัน
สุดท้ายคือถ้วยใหญ่ที่เรารอคอยมาตลอดคือ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ที่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมตรงที่แผนของบอสใหญ่ชาวสเปนได้ติดตั้งสมบูรณ์แล้ว ถ้าเป็นเกมก็คือกดสูตรคอมโบ้ติดเป็นที่เรียบร้อยด้วยกุญแจสำคัญในแผนนี้คือ จอห์น สโตนส์ ที่ขยับมาเล่นในแดนกลางพร้อมถอยไปช่วยเกมรับเมื่อทีมต้องการกองหลังอีกตัว ชัยชนะแบบเหนือชั้นของทีมที่มีต่อ เรอัล มาดริด ต้องบอกว่า ไม่มีเกมนัดไหนของ แมนฯ ซิตี้จะสมบูรณ์แบบเท่านัดนี้อีกแล้ว ที่เหลือกก็เพียงรอบชิงชนะเลิศที่ต้องก้าวผ่านความตื่นเต้นและความกดดันให้ได้และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จจากลูกยิงที่ดีที่สุดของ โรดรี้ มั่นใจเลยว่ามุมนั่นเป็นคนอื่นอาจยิงไม่เข้า
ในฐานะแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ต้องบอกว่า เราจะจดจำฤดูกาลนี้ตราบจนนาทีสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่แค่เราคว้าแชมป์ยูซีแอลได้ครั้งแรกแต่เรายังคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ ได้สมกับความเป็นสโมสรที่หนึ่งของโลกอย่างแท้จริง…
เขียนโดย The Lite Team.