ดาวเตะรายนี้ ลงสนามในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2015 แทนที่ของ ฟาบิโอ โคเอนเทรา ในนาทีที่ 88 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะ โมนาโก ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดในการลงสนามที่อายุ 16 ปี 347 วัน หรือเทียบกับบ้านเราก็ประมาณ ม.5 สมัยตามจีบสาวห้องข้างๆนี่แหละ

เอ็มบัปเป้มายิงระเบิดในฤดูกาล 2016/17 ซึ่งยิงในทุกรายการรวมกันถึง 28 ประตู จากการลงสนาม 46 นัด และย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในทีแรกในรูปแบบยืมตัว พร้อมกับซื้อล่วงหน้าหนึ่งฤดูกาลด้วยค่าตัวสูงถึง 120 ล้านยูโร เพื่อร่วมเล่นกับ เนย์มาร์ ที่ย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวสถิติโลก ซึ่งยังคงอยู่จนถึงวันนี้

ในปี 2018 นี้เอง ที่ เอ็มบัปเป้ ได้ประกาศก้องให้โลกรู้ว่าเป็น ‘ว่าที่สุดยอดนักเตะ’ ของโลกที่จะมาแทน ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพราะว่า ในวัยเพียง 18 ปี เขาสามารถพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ได้สำเร็จในฐานะตัวหลัก พร้อมกับทำ 4 ประตู เท่ากันกับ อองตวน กรีซมันน์ คู่หูเกมรุกในทัพ ‘ตราไก่’ 

วันเวลาผ่านไป เขาพิสูจน์ความสามารถว่าเป็นของจริง ไม่ได้มีโชคช่วยแต่ประการใด จนเกือบจะได้มีโอกาสไปเล่นกับ เรอัล มาดริด เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่สุดท้ายเลือกต่อสัญญาอยู่ในเมืองน้ำหอมต่อไป ด้วยค่าเหนื่อยที่สูงสุดในโลกเกือบ 1,000,000 ยูโรต่อสัปดาห์

ฟุตบอลโลก 2022 เอ็มบัปเป้ เกือบเป็นพระเอกให้กับทีมชาติฝรั่งเศสอีกครั้ง โดยสามารถทำแฮททริค ในรอบชิงชนะเลิศกับทีมชาติอาร์เจนติน่า และยิงทั้งทัวร์นาเมนต์ไป 8 ประตู พร้อมกับคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง แม้ว่าสุดท้ายทีมจะพ่ายจุดโทษ แต่ไม่มีใครเลยที่ไม่เห็นความสุดยอดของนักเตะรายนี้

ไม่มีใครสามารถหยุดเข็มนาฬิกาได้ถ้าถ่านไม่หมด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็ไม่ได้อยู่ในจุดสุดยอดจนออกจากลีกยุโรป

แน่นอนว่าชื่อของสุดยอดแข้งคนต่อไปคงหนีไม่พ้น คีเลียน เอ็มบัปเป้ แต่นี่ถึงเวลาแล้วสำหรับเขาที่จะหาโอกาสลงเล่นกับยอดทีม ในลีกที่สุดยอด มากกว่าจะการันตีแชมป์ลีกเอิง อยู่ในลีกชาวนา ซึ่งถ้าไม่แบกทีมจนได้ถ้วย แชมเปียนส์ลีก และ ฟุตบอลโลก หรือ ยูโร พร้อมกัน ก็ได้แต่มีภาพตัดต่อของเขา กับลูกฟุตบอลทองคำต่อไป

เขียนโดย The Lite Team.