ฤดูกาลนั้นเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ว่าปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ก่อนที่ซีซั่นถัดมาจะคว้าโทรฟี่ใบนี้มาได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 6 ของ ลิเวอร์พูล ในขณะที่พรีเมียร์ลีกต้องกลายเป็นรองแชมป์ที่แต้มสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี 97 คะแนน แต่ทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บไปได้มากกว่า 1 คะแนน

อย่างไรก็ตามในปีนั้น แบ็คขวาเด็กสร้างจากอะคาเดมี่ ‘หงส์แดง’ ก็เดินหน้ากวาดแชมป์ พร้อมกับพัฒนาการเปิดบอลมากขึ้น และเริ่มมีคำถามว่า เขาควรขยับเข้ามาเล่นมิดฟิลด์ เหมือนกับ สตีเว่น เจอราร์ด ที่แจ้งเกิดในตำแหน่งเดียวกัน ก่อนจะมาเป็นตำนานคนสำคัญหรือไม่?

ตอนนั้นเอง เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังยืนยันเสียงแข็งว่า “เรามีแบ็คขวาที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในทีม แล้วจะเอาเขาไปเล่นกองกลางทำไม?”

วันเวลาผ่านไป มิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ก็ยุ่ยเป็นปุยนุ่น ขณะที่ตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก็แปลงร่างกลายเป็นกรวยในเกมรับ จนทีมหล่นไปอยู่พื้นที่กลางตารางในฤดูกาลที่ผ่านมา

เดชะบุญที่ ‘บอสแว่น’ ซึ่งทำเลซิกมาแล้ว คิดขึ้นได้ หรือเห็นแผนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เวิร์คจนขอลองใช้บ้าง หรือจะเรียกว่าก็อปก็ยอมถ้าทีมมันจะดีขึ้น เขาจับดาวเตะออกทะเลรายนี้เข้ามาเป็น อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค 

โดยมีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปคือ ตอนทีมตั้งเกมบุกจะเข้ามาช่วยทำเกมตรงกลางกับ ฟาบินโญ่ และทำผลงานได้แจ่มจนทีมเกือบจะติดท็อปโฟร์

บทบาทใหม่นี้เองที่ไ่ปเข้าตากุนซือทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกต จนมอบเบอร์ 10 ให้เขาลงสนามกับขุนพล ‘ทรีไลออนส์’ โดยลงเล่น 90 นาทีเต็มทั้งสองนัดในรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ซึ่งในเกมกับ มอลต้า เขาสามารถทำประตูสุดสวย และเล่นเด่นจนได้รางวัล เพลเยอร์ ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง

น่าสนใจว่า ฤดูกาลที่ 2023/24 ที่กำลังจะมาถึง ลูกหม้อรายนี้จะมีบทบาทอย่างไรในทีม ลิเวอร์พูล และบางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทีมไม่จำเป็นต้องง้อ จู๊ด เบลลิงแฮม เพราะพวกเรามี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ว่าที่ตำนานคนต่อไปของ ‘หงส์แดง’ ผู้อหังการ

เขียนโดย The Lite Team.