ข้างบ้านเรือใบ: ประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนโดยทริปเปิ้ลแชมป์ของ แมนฯซิตี้
การคว้าถ้วยรางวัล ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ของ ‘เรือใบสีฟ้า’ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับทีม แต่เป็นการตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของโลก เพราะพวกเราได้มาพร้อม 3 แชมป์แบบยิ่งใหญ่
เชื่อว่าแฟนบอลของ แมนฯซิตี้ หลายคนไม่มีใครคาดหวังกับทีมในฤดูกาลนี้และถ้ามีใครสักคนบอกว่า ทีมของเราจะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ ยิ่งดูน่าหัวเราะใหญ่เพราะครึ่งฤดูกาลแรกทีมเล่นบอลกันแบบไม่มีพิษสงใดๆเลย แถมยังตกรอบฟุตบอลลีกคัพด้วยน้ำมือของทีมท้ายตารางอย่าง เซาแธมป์ตัน ยิ่งไปกันใหญ่ นัดสุดท้ายในบ้านก่อนเปิดฟุตบอลโลกก็แพ้ให้กับ เบรนท์ฟอร์ด จนช่วงเวลานั้นทีมตามจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล ถึง 5 คะแนน ซึ่งยอมรับตรงนี้เลยว่าแม้แต่ผมเองก็ไม่อาจจะกล้าฝันถึงถ้วยรางวัลใดๆ
แต่ทุกความสำเร็จย่อมมีจุดเปลี่ยนและก็อาจจะเป็น 2 เหตุผลใหญ่ที่ทำให้นักเตะรวมพลังจนเกิดชัยชนะต่อเนื่องแบบคาดไม่ถึง อย่างแรกเลยคือการปล่อยตัว เจา คันเซโล่ ในวันสุดท้ายของตลาดหน้าหนาว ที่มีข่าวว่าเขาคือคนที่ทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวเสียเนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากพอ เหตุผลที่สองก็คือ ข่าวใหญ่ถึงข้อกล่าวหาจากพรีเมียร์ลีกที่ยื่นถึงสโมสรด้วย 115 คดี ต้องยอมรับตรงนี้ว่า ณ ขณะนั้นเหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก แต่ด้วยความมั่นใจของบอร์ดบริหารและ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าพวกเราไม่ผิดก็เป็นเหมือนเชื้อไฟให้นักเตะทุกคนมุ่งมั่นในการเล่นเพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้น ‘เรือใบสีฟ้า’ ก็แล่นฉิว โดยเก็บชัยชนะในลีกต่อเนื่องถึง 12 เกม จนแซงจ่าฝูงมาคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันในช่วงโค้งสุดท้าย
ส่วนถ้วยเอฟเอคัพ พวกเราได้ผ่านทีมที่แข็งแกร่งอย่าง เชลซี และ อาร์เซนอล ตั้งแต่รอบแรกๆของการแข่งขัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา จนรอบชิงต้องมาเจอ ‘เพื่อนบ้านที่น่ารำคาญกว่า’ และเป็นศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยพวกเราสามารถเอาชนะไปได้สำเร็จจากผลงานการยิง 2 ประตูของ กุนโดกัน ทำให้เราขยับตัวมาเป็นดับเบิ้ลแชมป์เหลืออีกเพียงหนึ่งเพื่อสร้างประวัติศาสตร์
นัดชิงชนะเลิศที่ใครหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทีมของ เป๊ป เหนือกว่าคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่เลยตลอด 90 นาทีมันเป็นเกมที่สูสีอย่างคาดไม่ถึง อาจเป็นเพราะความเกร็งของนักเตะ แมนฯซิตี้ ถึงแม้ว่าจะเล่นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปีก็ตาม จนมาได้ลูกยิงมหัศจรรย์ของ โรดรี้ ในนาทีที่ 67 ก็เพียงพอที่จะพาทีมเป็นแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดน้ำตาแห่งความยินดีทั้งของนักเตะและกองเชียร์ก็ไหลออกมาโดยมิได้นัดหมาย เพราะมันคือความสำเร็จที่รอมานานหลายร้อยปีและยังเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนึงในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้
ในฐานะแฟนบอล แมนเซสเตอร์ซิตี้ ต้องบอกว่า โคตรจะมีความสุขกับการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ไม่เพียงเป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงความยิ่งใหญ่ แต่เป็นการขึ้นไปทาบความสำเร็จในสิ่งที่เพื่อนบ้านภูมิใจมาตลอด แล้วบอกพวกเขาว่า 3 แชมป์ก็ไม่เห็นจะยากเท่าไร…
เขียนโดย The Lite Team.