Gooner Journey: เล่าความหลัง อาร์แซน เวนเกอร์ ชายแก่ผู้เป็นที่รัก EP.1
ประเทศอังกฤษขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมแห่งโลกลูกหนังที่เฟื่องฟูที่สุดในทวีปยุโรป นับตั้งแต่ลีกสูงสุดของพวกเขารีแบรนด์เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่าพรีเมียร์ลีก และสโมสรที่สร้างสถิติลงเล่นตลอดทั้งฤดูกาลโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลย(เฉพาะเกมในลีก) ทีมแรกที่ทำได้ก็คือ อาร์เซนอล ในฤดูกาล 2003/2004
กว่าจะถึงฤดูกาลประวัติศาสตร์ในยุคนั้น สโมสรเก่าแก่แห่งนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างสถิติที่ยากจะทำลายลงได้ วันนี้เราจะมารวบรวมเรื่องราวสำคัญต่างๆเอาไว้ทั้งหมดที่นี่กับ เล่าความหลัง อาร์แซน เวนเกอร์ ชายแก่ผู้เป็นที่รัก EP.1
นับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1992 จวบจนมาถึงฤดูกาลปัจจุบัน สโมสรฟุตบอลในอังกฤษที่ลงเล่นเกมลีกจนจบฤดูกาลโดยที่ไม่แพ้ทีมใดในลีกเลย มีเพียงแค่ อาร์เซนอล ทีมเดียวเท่านั้นที่สามารถคว้าแชมป์และสร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ในฤดูกาล 2003/2004 (ชนะ 26 เสมอ 12 มี 90 แต้ม) อีกทั้งพวกเขายังขยายสถิติไม่แพ้ใครในลีกติดต่อกันนานที่สุดถึง 49 เกม โดยในช่วงเวลานั้นเป็นยุคที่ลีกสูงสุดแห่งแดนผู้ดีมีคู่อริอย่าง อาร์เซนอล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ผสมกับทีมที่กำลังพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่าง เชลซี
วันที่ 2 มกราคม ช่วงกลางฤดูกาล 1988/1989 เวนเกอร์ กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางจาก อิสตันบูล ไปยัง โมนาโก เพื่อสำรวจนักเตะที่น่าสนใจ โดยหนึ่งในโปรแกรมสำคัญคือการมุ่งหน้าต่อไปยังประเทศอังกฤษ เพื่อรับชมเกมดาร์บี้แมตซ์ที่สนามไฮบิวรี่ ของ อาร์เซนอล ซึ่งในยุคนั้นมีผู้เล่นอย่าง สตีฟ โบลด์, ไนเจล วินเทอร์เบิร์น และโทนี่ อดัมส์ เป็นกำลังหลักของทีม เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับ เดวิด ดีน ผู้บริหารสโมสรในเวลานั้น และด้วยทักษะทางสังคมที่ดีเยี่ยม เดวิด ได้ชักชวนเขาไปทานอาหารค่ำอย่างเป็นกันเอง ซึ่งบทสนทนาทั้งหมดของวันนั้นเปรียบดั่งจุดเริ่มต้นของการวางเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตกลายเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรในเวลาต่อมา
ในปี 1995 ภายหลังที่ เวนเกอร์ ประกาศอำลา โมนาโก และเลือกทำงานในประเทศญี่ปุ่นกับ นาโกย่า แกรมปัส เอท ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าแปลกใจพอสมควร แต่ในแง่จังหวะเวลาแล้ว มันกลับเป็นช่วงที่เหมาะเจาะพอดี หนึ่งเดือนให้หลัง จอร์จ เกรแฮม ผู้กุมบังเกียนทัพปืนใหญ่ ถูกปลดออกจากตำแหน่งด้วยเรื่องผิดกฎหมาย ชื่อที่ เดวิด ดีน นึกถึงทันทีคือ เวนเกอร์ และเขาได้นำชื่อนี้ไปเสนอกับบอร์ดบริหารแต่กลับถูกปฏิเสธในตอนแรก โดยสโมสรเลือกที่จะเซ็นสัญญากับ บรูซ ริอ็อก ซึ่งทำงานได้ไม่นานนักก็ถูกตะเพิดพ้นตำแหน่ง เนื่องจากไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ ขณะที่สโมสรกำลังมองหากุนซือรายต่อไป ดีน ยังคงมั่นใจในตัว เวนเกอร์ ที่รู้จักมา 5 ปี ท้ายที่สุด กุนซือเลือดเฟรนช์ ตกลงที่จะมาร่วมงานกับ อาร์เซนอล ในช่วงกลางปี 1996 ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่าง เดวิด กับ อาร์แซน ช่วยพัฒนาสโมสรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ที่คล้ายคลึงกัน ความเข้าใจในรูปแบบเกมฟุตบอล รวมทั้งยังมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สามารถเดินหน้าปิดดีลนักเตะได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ผู้เล่นในทีมยุคนั้นอย่าง ลี ดิกสัน หรือ เอียน ไรท์ ต่างบรรยายความทรงจำที่เห็น เวนเกอร์ ในครั้งแรกว่า เขาเหมือนครูสอนภูมิศาสตร์ในสภาพผอมสูง สวมแว่นตาใหญ่ๆ สูทตัวโคร่งๆ แต่เมื่อเริ่มทำงานที่เกี่ยวกับฟุตบอล ทุกคนต่างรู้ทันทีว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งไม่นานนักความเปลี่ยนแปลงในสโมสรก็ค่อยๆเริ่มต้นขึ้น มาร์ติน คีโอว์น กองหลังที่อยู่กับสโมสรมายาวนานและยังค้าแข้งอยู่ในยุคทีมชุดไร้พ่าย เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มตั้งแต่สนามซ้อมว่า ผู้จัดการทีมรายนี้เข้ามาปรับเปลี่ยนทุกอย่างตั้งแต่เรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ รวมไปถึงระบบโภชนาการ วิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบบการบริหารจัดการ เป็นต้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไป เวนเกอร์ น่าจะอมยิ้มกับประสบการณ์ที่เขาได้พบเจอหลังคุมทีมนัดแรกที่เอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 โดยขณะนั่งรถบัสกลับลอนดอน มีเสียงเรียกร้องตะโกนจากเหล่าบรรดานักเตะในรถว่า “พวกเราต้องการแท่งช็อคโกแลต กลับคืนมา” และนั่นคือคำสั่งแรกจากผู้จัดการทีมคนใหม่ที่สั่งระงับการกินช็อคโกแลตตั้งแต่เขาเริ่มคุมงาน
และนี่คือปฐมบทเริ่มต้นของชายที่อุทิศตนให้กับสโมสรที่เขารัก EP.1 การเข้ามาผสมผสานวิสัยทัศน์ด้านฟุตบอลเข้ากับส่วนผสมในทีมทั้งเก่าและใหม่ ต่อยอดมาจนถึงต้นยุค 2000s ซึ่งถือเป็นยุคทองของสโมสรแห่งลอนดอนเหนือ ดั่งเช่นผลงานแชมป์หลักไมล์สำคัญของฟุตบอลอังกฤษเมื่อฤดูกาล 2003/2004 โปรดตามติดตอนต่อไป !
เขียนโดย The Lite Team.