ดาวยิง ‘ไก่เดือยทอง’ ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตนเอง หลังจากที่เขาได้ทำลายสถิติการพังประตูทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ ต้องย้อนกลับไปในปี 2004 ที่เขาได้เริ่มเข้าสู่อะคาเดมี่ของ สเปอร์ส เจ้าตัวได้ยกระดับฝีเท้าของตนเองขึ้นมาด้วยวัยเพียง 17 ปี และถูกปล่อยออกไปยืมตัวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมเลย์ตัน โอเรียน, มิลล์วอลล์, นอริช ซิตี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้

จากการที่ได้ก้าวออกไปหาประสบการณ์จากหลายๆ สโมสร ทำให้ เคน ได้รับบทเรียนกลับมาเยอะพอสมควร จนถึงเวลาที่ ท็อตแนม ได้เรียกตัวเขากลับมา และให้โอกาสลงสนามกับทีมชุดใหญ่ด้วยอายุที่ยังไม่ถึง 20 ปี ด้วยซ้ำ

ในฤดูกาล 2013/14 เคน ได้มีโอกาสลงสนามมาในฐานะตัวสำรองเกมที่พบกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ แต่ที่น่าเสียดายคือเจ้าตัวไม่สามารถเบิกสกอร์แรกให้กับตนเองได้ จนกระทั่งเกมเจอ ซันเดอร์แลนด์ เขาลงสนามเป็นตัวจริงและไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังโดยยิงไป 1 ประตูพร้อมแอสซิสต์ให้เพื่อนได้อีก 1 ลูก หลังจากจบซีซั่น กองหน้ารายนี้ลงสนามไป 10 นัด ทำได้ 3 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าไม่เลวกับผลงานในฤดูกาลแรกสำหรับผู้เล่นที่ยังถูกเรียกว่าดาวรุ่ง

ต่อมาเป็นปีที่น่าจดจำของ เคน หลังเจ้าตัวได้รับรางวัลรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก รวมถึงคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA ด้วยผลงานการลงสนามไป 51 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 31 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ในซีซั่น 2014/15 อีกหนึ่งฤดูกาลถัดมาเจ้าตัวก็ซัดไปอีก 25 ตุง โดยลงครบทั้ง 38 นัด และในฤดูกาลต่อมาดาวยิงรายนี้ทำประตูให้กับต้นสังกัดไป 29 ลูกจากการลงสนามไปแค่ 30 นัดเท่านั้น

เข้าสู่ฤดูกาล 2017/18 แฮรี่ เคน ก็ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยซัดไป 30 ประตูจากการลงสนามในพรีเมียร์ลีก 37 นัด และในซีซั่นที่ 2018/19, 2019/20, 2020/21, 2021/22 เจ้าตัวยิงประตูไปได้ 17, 18, 23 และ 17 ประตูตามลำดับจนมาถึงฤดูกาลล่าสุดที่พึ่งจบลงไปดาวซัลโวทีมชาติอังกฤษทำประตูไปได้ 30 ลูก เป็นรอง ‘จอมมารบลู’ จากฝั่ง แมนเชตเตอร์ ซิตี้ ที่ถล่มไปได้ 36 ประตู

9 ซีซั่นที่ผ่านมากับ ‘ไก่เดือยทอง’ เคน ก้าวขึ้นมาตำนานของสโมสรและทีมชาติไปเป็นที่เรียบร้อย โดยยิงรวมทั้งหมดไป 281 ประตูรวมทุกรายการ นี่ยังไม่รวมในนามทัพ ‘สิงโตคำราม’ อีก 55 ประตูด้วยวัย 30 ปีเท่านั้น และเจ้าตัวยังมีเวลาถล่มประตูอีกหลายปี