เกมนี้ยังมีความสำคัญต่อทั้ง 2 ทีมอยู่ในขณะนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการพาทีมไปลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้ในซีซั่นหน้า ส่วนทาง อูไน เอเมรี่ ก็อยากพาทีมกลับไปเล่นในฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาเคยทำได้ครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2010-11

นึกง่ายๆก็คือตั้งแต่ที่ แอชลีย์ ยัง ยังอยู่กับทีมก่อนที่จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนตอนนี้กลับมาอยู่กับทีมอีกรอบ จนจะแขวนสตั๊ดอยู่แล้วอ่ะครับ

ในเวลานี้ ‘หงส์แดง’ ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีฟอร์มร้อนแรงที่สุดในลีก หลังจากที่เปิดบ้านเสมอกับ อาร์เซนอล เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ พวกเขาเก็บชัยชนะมาได้ถึง 7 นัดแล้ว และทำให้พวกเขาตามจี้ ‘ปีศาจแดง’ เหลือเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น

เกมที่พวกเขาไปขัดแข้งขัดขา ‘ปืนใหญ่’ นั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแย่งแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้อีกด้วย แหม่… แมนฯ ซิตี้ ก็ต้องมาขอบคุณเขาหน่อยล่ะนะ

ทางด้านของ ‘สิงห์ผงาด’ ที่ร่อแร่ๆในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก กลับมาผงาดได้สมชื่อตั้งแต่ที่กุนซือหน้าละม้ายคล้าย ‘โลกิ’ เข้ามากุมบังเหียน พวกเขาย้ายตัวเองจากการเป็นทีมท้ายตาราง ขึ้นมาเป็นทีมที่มีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้ในช่วงท้ายฤดูกาล

แม้ว่าจะมีสะดุดแพ้ไปในช่วง 2 เกมก่อนหน้านี้ แต่เกมล่าสุดที่เจอกับคู่แข่งในพื้นที่เดียวกันอย่าง สเปอร์ส พวกเขาก็เปิดบ้านเอาชนะมาได้ และทำให้มีคะแนนเท่ากัน เป็นรองเพียงแค่ประตูได้เสีย ซึ่งก็ห่างกันเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น

แน่นอนว่าในเกมนี้ ความได้เปรียบอยู่ทางฝั่งของ ‘เร้ด แมชชีน’ ซึ่งในฤดูกาลพวกเขาปราชัยไปเพียงแค่เกมเดียวที่สนามแห่งนี้ และหากวัดจากฟอร์มในบ้านเพียวๆ พวกเขาจะอยู่ในอันดับ 2 ของตารางคะแนน เป็นรองแค่ ‘เรือใบสีฟ้า’

ต่างกันกับ วิลล่า ที่พลาดท่าแพ้มาในเกมนอกบ้าน 2 เกมล่าสุด แถมยังยิงประตูไม่ได้เลยด้วย

เขียนโดย The Lite Team.