ลูก้า โมดริช เกิดวันที่ 9 กันยายน 1985 ณ เมืองซาดาร์ ยูโกสลาเวีย ประเทศโครเอเชีย เขาเกิดมาในระหว่างสงคราม ซึ่งทำให้พ่อของเขาที่เคยเป็นอดีตทหารต้องกลับเข้าไปรับใช้ชาติอีกครั้ง และด้วยวัยเพียง 6 ขวบ พ่อของของเขา ก็ได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายเพื่อผลักดันให้ลูกชายเข้าสู่ทีมฟุตบอลเยาวชนท้องถิ่น

หลังจากได้โชว์พรสวรรค์ด้านฝีเท้าให้หลายคนได้เห็น  นักเตะรายนี้ได้เซ็นสัญญากับ ดินาโม ซาเกร็บ ตอนอายุ 17 ปี ในปี 2002 ก่อนจะได้สัญญาถาวรในอีก 3 ปีถัดมา อย่างไรก็ตาม ซีซั่นแรกของเจ้าตัวทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจนัก เมื่อกองกลางร่างเล็ก ไม่อาจเบิกสกอร์แรกให้กับตัวเองได้ ทว่า โมดริช เริ่มแข็งแกร่งขึ้นในปีถัดมา ก่อนจะตะบันไปถึง 7 ตุง จากการลงสนาม 31 นัด และเจ้าตัวสามารถค้นพบตัวเองในตำแหน่งเบอร์ 10 พร้อมกับช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2006-07 

ไม่นานนัก เขาก็ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ทั่วยุโรปทั้ง อาร์เซน่อล แมนฯ ซิตี้ บาร์เซโลน่า แต่เป็น ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่ปาดหน้าทุกสโมสรและคว้าแข้งทองคำจาก โครเอเชีย มาประเดิมสนามได้สำเร็จในปี 2008 และไม่ทำให้สาวก escapeSingleQuotไก่เดือยทองescapeSingleQuot ผิดหวัง เมื่อพาทีมกลับไปเล่นฟุตบอลยุโรป และถูกยกย่องให้เป็นกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาล

และในที่สุด เรอัล มาดริด ก็คว้าตัวห้องเครื่องรายนี้มาในปี 2012 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่พา ‘ราชันชุดขาว’ คว้าทริปเปิลแชมป์ยุโรปสามสมัยซ้อน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้สำเร็จอีกครั้ง

ในวันที่ 4 ธันวาคม 2018 คณะกรรมการบัลลงดอร์ (Ballon d’Or) ได้ประกาศมอบรางวัลให้แก่ ลูก้า โมดริช ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่รางวัลนี้ถูกมอบให้กับนักเตะคนอื่นนอกเหนือจาก คริสเตียโน โรนัลโด และลิโอเนล เมสซี่ โดย โมดริช ได้อุทิศรางวัลที่เขาได้รับ ให้นักเตะทุกคนที่สมควรได้รับรางวัลนี้แต่กลับถูกรัศมีของสองแข้งดังบดบัง

แม้จะเข้าใกล้เลข 4 แล้วก็ตาม แต่ ลูก้า โมดริช ยังคงรักษาฟอร์มของตัวเองได้อย่างคงเส้นคงวา และตัวผมเองก็หวังว่าอยากจะให้เขาลงสนามให้ มาดริด ต่อไป พร้อมกับคว้ารางวัลส่วนตัวให้ได้มากที่สุด และใครหลายๆ คนก็ฝันอยากเห็นเขาแขวนสตั๊ดที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในการจบอาชีพค้าแข้งที่สมบูรณ์แบบ