Gooner Journey: เอมิล สมิธ โรว์ กับโอกาสในซุ้มปืนโต
ยังจำกันได้ไหมครับ เด็กหนุ่มผู้ซึ่งก้าวขึ้นมาสวมยูนิฟอร์มเบอร์ 10 ให้กับ อาร์เซนอล แต่สำหรับฤดูกาลนี้ เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกของ อาร์เตต้า อีกต่อไป แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
มิเกล อาร์เตต้า เคยกล่าวถึง เอมิล สมิธ โรว์ เอาไว้ว่า “เขาครองบอลได้อย่างเหนียวแน่นและมีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลที่กว้างไกลกว่าเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน และนั่นทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเรา ทัศนคติของเขาและความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ก็น่าประทับใจมาก”
ซึ่งหากเรามองย้อนกลับไปในช่วงฤดูกาลที่แล้ว กองกลางวัย 20 ปีซึ่งเติบโตจากการเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสร สามารถแจ้งเกิดเป็นคีย์แมนของทีมได้สำเร็จ และเขาเลือกต่อสัญญายาวออกไป โดยได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้สวมเสื้อหมายเลข 10 ที่มีความสำคัญต่อแฟนๆ กูนเนอร์ส อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเตะที่เคยได้รับเสื้อเบอร์ 10 มีทั้ง พอล เมอร์สัน, เดนนิส เบิร์กแคมป์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี และ แจ็ค วิลเชียร์
แต่ในขณะเดียวกัน ฤดูกาลปัจจุบัน 2022/2023 แนวรุกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษที่เคยโดดเด่นกับ อาร์เซนอล ในช่วงซีซั่นที่แล้วกลับไม่ได้รับโอกาสในการลงสนาม คำถามต่างๆมากมายเกิดขึ้นว่า เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? เนื่องจาก ESR คือรองดาวซัลโวของทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังทำ 11 ประตูจากทุกกรายการ มีเพียง บูกาโย่ ซาก้า เท่านั้นที่ยิงได้มากกว่าเขา หรือแม้กระทั่งหลังจากที่เขาสลัดอาการบาดเจ็บฟิตกลับมาสมบูรณ์ เขาได้รับโอกาสเพียง 121 นาทีนับตั้งแต่เดือนมกราคม ได้ลงสนามเพียง 12 เกมจากทุกรายการ และไม่ได้เป็นการออกสตาร์ทตัวจริงเลยสักครั้ง โดยที่ อาร์เตต้า มีโอกาสใช้งานเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเลือกผู้เล่นคนอื่นก่อนเสมอ ทั้งในเกมชนะ ฟูแล่ม 3-0 แบบชิวๆ หรือเกมชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ ซาก้า ป่วยแต่เขาก็ยังไม่ได้รับโอกาส ทั้งนี้ escapeSingleQuotกุนซือใหญ่ชาวสเปนescapeSingleQuot ยังเลือกที่จะเรียกใช้งาน ฟาบิโอ วิเอร่า ก่อนเขาเสมอ ซึ่งตามความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้านักเตะคนอื่นที่ฟอร์มดีจะได้รับโอกาสลงสนามก่อน แต่ใครจะคิดว่าฟอร์มของ วิเอร่า ในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้เขาได้รับโอกาสก่อน ESR
อนาคตของเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์ผู้นี้ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม เขายังคงเป็นคนสำคัญของ อาร์เตต้า อยู่หรือเปล่า? อนาคตของเขากับ อาร์เซนอล จะเป็นอย่างไรต่อไปหลังเพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่เมื่อปี 2021 และมีสัญญาเหลืออยู่ถึง 3 ปี หรือเขาควรออกไปหาโอกาสกับสโมสรอื่น มีเพียงระบบภายในของทีมเท่านั้นที่รู้
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวที่เคยถูกขีดเขียนมาอย่างสวยงามจะจบลงเช่นไร ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ และเราเชื่อว่า อาร์เตต้า คือผู้จัดการทีมที่ใช้หลักความจริงมากกว่าอารมณ์ escapeSingleQuotเลือกที่รัก มักที่ชังescapeSingleQuot แฟนบอลอย่างเราก็มีหน้าที่ให้กำลังใจนักเตะและสโมสรกันต่อไป สู้เขานะ ESR
เขียนโดย The Lite Team.