กองกลางวัย 21 ปี เติบโตมากับอคาเดมีในลีกที่ว่ากันว่าดี และเป็นที่นิยมที่สุดในโลกกับ พรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศที่กองกลางรายนี้เกิด พร้อมกับเข้าทีมเยาวชนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่ 6 ขวบ จนก้าวขึ้นมาคิดทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีได้สำเร็จ กับการจับตามองของสื่อมวลชน และแฟนฟุตบอลชาวไทย

เยาวชนลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่เติบโตในระบบฟุตบอลของอังกฤษ เป็นลูกหม้อแท้ๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรที่มีเจ้าของเป็นไทย เป็นคนไทยคนแรกที่ได้สัญญาอาชีพจาก ‘จิ้งจอกสยาม’ ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดทำให้แฟนบอลชาวไทยคาดหวังถึงความฝันที่จะได้เห็นนักเตะสายเลือดไทย โลดแล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก แถมเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะอยากติด ทีมชาติไทย มากกว่า ทีมชาติอังกฤษ อีกด้วย 

แต่แล้ว ลีออน เจมส์ ก็ทำให้แฟนบอลชาวไทย งงไปตามๆ กันหลังประกาศไม่ต่อสัญญาใหม่กับอดีตแชมป์ลีก ประกาศยุติระยะเวลา 11 ปีลงไป ทั้งๆ ที่ เลสเตอร์ เสนอสัญญาฉบับให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะมาเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ ราชบุรี เอฟซี ทีมในไทยลีก ฤดูกาล 2020/21 

ไม่ว่าคุณจะมีดีกรีมาระดับแต่การสอดแทรกในทีมไทยลีก ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ ลีออน ที่มีอายุเพียง 18 ปี ในเวลานั้น ทำให้ฤดูกาลแรกบนแผ่นดินไทย กองกลางรายนี้ได้รับโอกาสลงสนามเพียง 45 นาที จาก 1 เกมในฟุตบอลรายการ ช้าง เอฟเอ คัพ เท่านั้น ทำให้จากอนาคตกองกลางที่มีโอกาสลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก กลายเป็นเหมือนเหล่าดาวรุ่งหลายๆ คนที่กลับมาค้าแข้งในประเทศไทย และไปไม่ไกลอย่างที่แฟนฟุตบอลคาดหวังเอาไว้ 

“ตอนนั้นผมอายุแค่ 18 ตอนย้ายกลับมาเล่นที่ไทย ผมไม่เคยเล่นบอลอาชีพ ฟุตบอลในระดับเยาวชนมันแตกต่างกันฟุตบอลอาชีพมาก รวมไปถึงสภาพอากาศที่ ประเทศไทย ผมก็ยังไม่ชิน ทุกอย่างที่นี่ ทั้งใน และนอกสนามหมือนกับเปลี่ยนโลกของผมเลยครับ”

เพื่อโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้น ลีออน พิชญ เจมส์  จำเป็นต้องย้ายออกไปยังสโมสรที่เล็กลง เขาเลือกซบ สุโขทัย เอฟซี ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล และได้ลงเล่นไปถึง 8 นัดใน ไทยลีก แต่สถานการณ์กลับสวนทาง ‘ค้างคาวไฟ’ จบด้วยอันดับที่ 14 ตกชั้นไปเล่นในลีกพระรอง 

ลีออน เจมส์ เลือกที่จะอยู่เคียงข้าง สุโขทัย ต่ออีกหนึ่งฤดูกาลใน ไทยลีก 2 เพื่อตอบแทนโอกาสที่เขาได้รับ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือยอดฝีมือชาวเยอรมัน อย่าง เดนนิส อมาโต้ การได้ลงสนาม 27 นัดในฟุตบอลที่ระดับรองกว่า อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของกองกลางรายนี้หลังจากเดินทางออกจาก เกาะอังกฤษ เขาได้ปรับตัวทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม รวมไปถึงรูปแบบการเล่นอันเป็นเฉพาะตัวของฟุตบอลไทย จนปรับตัว และรีดประสิทธิภาพของตัวเองออกมาได้อย่างโดดเด่น จนพาต้นสังกัดจบด้วยการเป็นรองแชมป์ และเลื่อนกลับมาสู่ ไทยลีก ทันที พร้อมข้อเสนอจากหลากหลายทีมที่ต้องการตัวไปยืนในแดนกลาง 

“ผมมีความสุขกับ สุโขทัย ผมรักที่นี่ ผมเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมเลื่อนชั้น แต่ผมไม่มีทางเลือก มีหลายสโมสรยื่นข้อเสนอมา แต่ผมเลือก หนองบัว พิชญ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเรื่องโอกาสในการลงสนามกับผม แต่ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้กับโค้ช กับเพื่อนร่วมทีม และกับแฟนบอลว่าผมดีพอด้วย”

และในฤดูกาลล่าสุด เขาเลือกที่จะย้ายทีมอีกครั้ง ไปกับสู่ทีมแดนอีสานอย่าง หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ทางต้นสังกัดหวังว่าจะยกระดับทีม และทำอันดับอยู่ในลีกสูงสุดต่อไปหลังจากเพิ่งเลื่อนชั้น และอยู่รอดมาในฤดูกาลก่อน แต่อย่างที่ทุกคนทราบ ณ เวลานี้ ที่เหลือการแข่งขันอีก 3 นัดสุดท้าย ‘พญาไก่ชน’ เป็นหนึ่งในสองทีมที่ตกชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

แม้ว่าต้นสังกัดจะฟอร์มแย่ แต่ผลงานส่วนตัวของ ลีออน พิชญ เจมส์ กลับโดดเด่น และเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เหมือนกับที่เขาถูกพูดถึงเมื่อเป็นเยาวชนของ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ในเวลานี้เขาพิสูจน์ให้กับทุกคนได้เห็นถึงฝีเท้าที่แท้จริงว่ายอดเยี่ยมเพียงใด ไม่ใช่ถูกจับตาเพราะเพียงแค่เป็นนักฟุตบอลลูกครึ่งคนหนึ่ง 

อนาคตของกองกลางวัย 21 ปี ยังอีกยาวไกล แม้ว่าจะก้าวขึ้นไปติด ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี การย้ายทีมอีกหนึ่งครั้งในฤดูกาลหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจสำคัญของเขา เพราะมีหลายทีมต้องการตัว ไล่ตั้งแต่ ทีมท้ายตารางอย่าง ลำพูน วอริเออร์ ไปจนถึงแชมป์ ไทยลีก อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 

เขียนโดย The Lite Team.