เรื่องที่น่าสนใจของการแข่งขันในนัดนี้ก็คือ เป็นการเจอกันของรองจ่าฝูงของลีกสูงสุด และรองจ่าฝูงของลีกรองอย่าง แชมเปี้ยนชิพ

ใน พรีเมียร์ลีก ทาง ‘เรือใบสีฟ้า’ ยังคงมีลุ้นแซง ‘ปืนใหญ่’ อยู่ ด้วยจำนวนนัดที่ลงเล่นน้อยกว่าจ่าฝูงของลีกอยู่ถึง 2 นัด และต้องไปเจอกันในแมตช์กลางสัปดาห์ ที่เปรียบเป็นดั่งนัดชิงของลีกเลยก็ว่าได้

ส่วนทางด้านของ ‘ดาบคู่’ พวกเขาตามหลังจ่าฝูงอย่าง เบิร์นลี่ย์ อยู่ถึง 10 คะแนน แต่ก็ทิ้งห่างอันดับ 3 อยู่ 7 คะแนน ดูแล้วการแซงไปคว้าแชมป์ลีกอาจจะดูยากสักหน่อย แต่การคว้าตั๋วโควต้าเลื่อนชั้นอัตโนมัติ ดูแล้วไม่น่าจะพลาดได้

มาพูดถึงแมตช์นี้กันบ้าง รอบรองชนะเลิศ จะเล่นกันเพียงนัดเดียว และจะเตะกันที่สนามกลาง ซึ่งก็จะใช้ เวมบลีย์ เป็นสังเวียนฟาดแข้งกันไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศเลย

ทั้ง 2 ทีมเพิ่งผ่านนัดกลางสัปดาห์มา โดยทางทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจจะดูเหนื่อยกว่าสักหน่อย เพราะต้องไปบินลัดฟ้าไปโม่แข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ถึงที่ประเทศเยอรมนี ส่วนทางทีมของ พอล ฮิกกิ้งบอทท่อม ก็มีเล่นเกมลีกในบ้าน เจอกับทีมกลางตารางอย่าง บริสตอล ซิตี้

เส้นทางของ ซิตี้ กับถ้วยใบนี้ จะหนักในช่วงรอบแรกๆที่ได้ลงเล่น โดยเจอกับ อาร์เซนอล ในรอบ 3 และเจอกับ เชลซี ในรอบ 4 จากนั้นก็เจอแต่ทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ ล้วนๆ รวมถึงในรอบนี้ด้วย

ทาง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็แทบจะไม่เจองานยากเลยก็ว่าได้ พวกเขาเจอกับทีมในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าเกือบทุกรอบ ยกเว้นแต่ในรอบ 5 ที่เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาได้ และสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาเป็นทีมเดียวที่ไม่ได้มาจาก พรีเมียร์ลีก ที่เข้ามาถึงรอบนี้ได้

เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ดูจากมุมไหน ‘เรือใบ’ ก็ดูเหนือกว่าจากทุกมุมมอง ยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขาที่กำลังวาดฝันในการก้าวขึ้นไปคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาให้ได้ ใน พรีเมียร์ลีก เองก็ไล่กดดันจ่าฝูงขึ้นเรื่อยๆ ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ทะลุเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายได้ และในถ้วยนี้ ดูแล้วก็ไม่น่าจะพลาดที่เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้เลย

เชื่อเลยว่านัดนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่น่าจะพลาด ด้วยการจับสลากประกบคู่ ที่เหมือนจะเขียนบทมาให้พวกเขาไปถึงแชมป์ และผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะต่างจากที่เจอกับทีมของ แวงซองต์ กอมปานี ในรอบที่แล้ว ขนาดทีมจ่าฝูงยังโดนไปถึง 6 ลูก แล้วรองจ่าฝูงจะไปเหลืออะไรล่ะครับ