เปิดประตูแอนฟิลด์: ไม่ใช่แค่ตำนาน ‘หงส์’ แต่ยืนยงในพรีเมียร์ลีก
ทีแรกผมตั้งใจจะเขียนเกี่ยวกับบทบาทใหม่ของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จนกระทั่งช่วงท้ายเกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เจมส์ มิลเนอร์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสู่สนาม
ผมไม่รอช้าที่จะรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที เพราะว่ากันตามตรงตำแหน่ง อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค ของลูกหม้อ เบอร์ 66 คงต้องรอพิสูจน์กันอีกสักพัก เนื่องจากทีม ‘ยูงทอง’ เล่นไม่เอาอ่าวอะไร ทำให้ยากเกินกว่าจะประเมิน
สิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้คือ วินาทีที่ เจมส์ มิลเนอร์ เดินเหยียบพื้นหญ้า เอลแลนด์โร้ด เขาได้รับเสียงปรบมือจากแฟนบอลในแคว้น ยอร์คเชียร์ อย่างสนั่นหวั่นไหว เนื่องจากเติบโตมาในทีมเยาวชนของ ลีดส์ ยูไนเต็ด และได้ลงประเดิมสนามบนเวทีพรีเมียร์ลีกครั้งแรก เมื่อปี 2002 ซึ่งมีอายุเพียง 16 ปีในขณะนั้น แต่หลังจากที่ทีมตกชั้นในปี 2004 เจ้าตัวก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางตามวิถีของนักเตะที่ดีเกินกว่าจะเล่นในลีกรอง
เขาเก็บกระเป๋าไปเล่นให้กับ นิวคาสเซิล และ แอสตัน วิลล่า สลับไปมาในช่วงปี 2004-2010 ซึ่งฤดูกาลสุดท้ายโชว์ฟอร์มเด่นจนติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2009 และได้ย้ายทีมอีกครั้งไปร่วมโปรเจคยุคเริ่มต้นความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ที่นี่เองทำให้เขาได้สัมผัสแชมป์เป็นครั้งแรก โดยเจ้าตัวอยู่ในทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2012 แต่ทั้งนี้เขาก็ไม่ได้ลงสนามในเกมปาฏิหารย์ ‘Aguero’
จนกระทั่งปี 2015 เจมส์ มิลเนอร์ หมดสัญญากับ ซิตี้ และย้ายมาอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ เพื่อทดแทนการจากไปของ สตีเว่น เจอราร์ด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยู่กับ ลิเวอร์พูล มาแล้วถึง 8 ปี กลายเป็นสโมสรที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขยาวนานที่สุดในชีวิตค้าแข้ง พร้อมกับเป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ทุกรายการ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับคำว่า ‘ตำนานหงส์แดง’ แต่การที่เขาลงเล่นบนลีกสูงสุดมาแล้ว 21 ปี รวม 611 นัด เป็นรองแค่ แกร์เร็ธ แบร์รี่ และ ไรอัน กิ๊กส์ จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า เขาคือ ‘ตำนานพรีเมียร์ลีก’
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอายุที่เข้าสู่วัย 37 ปี ทำให้ ลิเวอร์พูล คงไม่ต่อสัญญาเขาออกไปอีก เพราะฉะนั้นจากนี้อีก 8 เกม จึงเปรียบเสมือนการส่งท้ายรองกัปตันทีมในชุดสีแดงเพลิง และเมื่อถึงเวลานั้นแฟนบอล ‘หงส์แดง’ อย่างผมคงได้แต่อำลาพร้อมบอกว่า “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ เจมส์ มิลเนอร์”
เขียนโดย The Lite Team.