ข้างบ้านเรือใบ: ในวันที่สดใสของ ‘ขุนแผนแห่งแมนเซสเตอร์’
นับตั้งแต่จบการแข่งขันฟุตบอลโลก หนึ่งในนักเตะที่มีฟอร์มดีที่สุดในทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แจ็ค กรีลิซ ผู้ที่คว้ารางวัล แมนออฟเดอะแมตช์ ในเกมถล่ม ลิเวอร์พูล ไป 4-1 ด้วยผลงาน 1 ประตู 1 แอสซิสต์ ในวันนั้น
ปีกซ้ายทีมชาติอังกฤษวัย 27 ปี ได้ย้ายจาก แอสตันวิลล่า มาร่วมทัพเรือใบ เมื่อตลาดหน้าร้อนฤดูกาลที่แล้วด้วยมูลค่าสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ณ เวลานั้น ด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านปอนด์ ในปีแรกของเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนักจนเกิดคำถามถึงความคุ้มค่าในการซื้อตัวครั้งนี้ จากแฟนบอลทั่วโลก อาจเพราะความกดดันที่เขาได้รับ หรือความคาดหวังในการมีส่วนร่วมกับประตูก็ตาม แต่ตามทฤษฎีที่เหล่าแฟนบอลเชื่อเสมอว่า ฤดูกาลที่ 2 ของนักเตะเรือใบ จะเก่งขึ้นเสมอ และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อทุกคนได้เห็นผลงานของ กลีริซในหลายเดือนที่ผ่านมา
เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง แบร์นาโด ซิลวา ได้กล่าวชื่นชมว่า "เขาทำได้ดีจริงๆ กับเกมที่พบ ลิเวอร์พูล ผมต้องบอกว่า ฤดูกาลแรกที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยง่ายเลย ผู้คนคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลกและต้องออกสตาร์ททุกเกมเพื่อเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในทุกเกม แต่มันไม่ใช่เลย การทำงานที่นี่ไม่ง่ายอย่างนั้น ผู้จัดการทีมต้องการอะไรมากมายจากนักเตะ มันเป็นสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากทีมอื่นๆ คุณต้องชินกับมัน บางครั้งก็ต้องใช้เวลา เมื่อคุณมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณก็แค่ต้องยอมรับมันและเดินหน้าต่อไป และตอนนี้แจ็คกำลังทำได้ดี แฟนบอลรักเขา ผมมีความสุขกับเขามากๆ เขาสมควรได้รับมัน”
ถ้าเรานับผลงานของ กรีลิซ นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกจบลง ลงเล่น 14 เกม ยิงได้ 3 ประตู และทำ 5 แอสซิสต์ บวกกับรางวัลส่วนตัว ผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรประจำเดือนกุมภาพันธ์ เป็นคำตอบได้อย่างดี ว่าเขาเดินมาถูกทางแล้ว ยิ่งช่วงท้ายฤดูกาลเช่นนี้ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เองก็ต้องการให้นักเตะของเขาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในการพาทีมคว้าแชมป์ และ แจ็ค คือหนึ่งในนั้น สิ่งตอบแทนความอดทนของเขานอกจากรางวัลจากสโมสร แต่ยังเป็นเม็ดเงินที่ได้จากสปอนเซอร์รายใหญ่อย่าง "พูม่า" แบรนด์กีฬาระดับโลก ด้วยมูลค่าแพงสุดของนักเตะบนสหราชอาณาจักร โดยเขาฟันรายได้สูงถึงฤดูกาลละ 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 425 ล้านบาท)
สิ่งที่ทำให้ แจ็ค กรีลิซ ได้ใจแฟนบอลที่สุดไม่ใช่แค่การยิงประตูหรือทำแอสซิสได้ แต่คือการลงไปช่วยเกมรับเพื่อไม่ให้ทีมเสียประตูทั้งในจังหวะสกัดบอลจาก ซอน ฮึง มิน และการป้องการการจ่ายบอลของ ซาล่าห์ เพื่อไม่ให้ทีมเสียประตูที่ 2 ในเกมล่าสุด แฟนบอลอย่างเราก็คงอยากเห็นเขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ UCL ครั้งแรก ให้สโมสรได้สำเร็จ วันน้ันเขาจะกลายเป็นหนึ่งในตำนานของทีมอย่างแน่นอน…
เขียนโดย The Lite Team.