นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี คือหนึ่งในสโมสรที่โลดแล่นบนเวที ไทยลีก มาอย่างยาวนานไม่แพ้ทีมใหญ่ พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาล 2015 และเกาะอยู่เป็นทีมกลางตารางเรื่อยมา แบบแทบจะไม่มีวี่แววร่วงตกชั้น พร้อมกับการันตีเป็นหนึ่งในทีมที่มีแฟนบอลเข้าไปชมในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ยามเล่นเป็นทีมเหย้ามากที่สุดอันดับต้นๆ ของฟุตบอลไทย 

แต่มองอีกทางก็เหมือนพวกเขาเจอทางตัน แม้ว่า ‘SWATCAT’ จะจบด้วยอันดับกลางตารางมาโดยตลอด แต่พวกเขาไม่เคยขยับก้าวขึ้นไปเป็นทีมระดับของประเทศไทยได้เลย จนแฟนบอลเริ่มบ่น และกองเชียร์ในสนามก็ลดลงเรื่อยๆ จนในฤดูกาลที่แล้วมีการปรับโครงสร้างด้านการบริหารด้วยการดึงตัว วรวีร์ มะกุดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เข้ามานั่งเป็นเบอร์ใหญ่สุดในทีม พร้อมการใช้คอนเนคชั่นเปลี่ยนกุนซือเป็น เควิน แบล็คเวลล์ เฮดโค้ชชาว อังกฤษ ที่เคยคุมทีมอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และเขาได้พาพา ‘แมวสีสวาท’ ลุยลีกสูงสุดของประเทศไทย

8 นัดในฤดูกาลที่แล้ว เควิน แบล็คเวลล์ ทีมมีสถิติแพ้กับชนะอย่างละครึ่ง พร้อมพา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จบที่อันดับ 9 ส่วนในฟุตบอลถ้วย  ช้าง เอฟเอ คัพ เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงต่อเวลา 0-1 แบบน่าเสียดาย แต่ก็ทำให้แฟนฟุตบอล ‘โคราช’ ได้ชื่นใจกับการลุ้นโทรฟีเหมือนกับทีมอื่นเขาบ้าง 

แต่ทุกอย่างก็ตีกลับมา ‘สวาทแคท’ การแข่งขันซีซันนี้ พวกเขาต้องเจอกับฤดูกาลที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่โลดแล่นอยู่บน ไทยลีก มา ทั้งฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ มีช่วงย่ำแย่ถึงขนาดที่ชนะเพียงนัดเดียวจาก 14 ที่ลงเล่น ทำให้ทีมร่วงหล่นไปอยู่ในโซนพื้นที่สีแดงเป็นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ 19 จนต้องมีการปรับเปลี่ยนไล่ตั้งแต่คณะผู้บริหาร ที่ได้ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองคนสำคัญของจังหวัดกลับมาดูแลทีมอีกครั้ง พร้อมดึง ‘โค้ชโจ’ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ที่แฟนบอลโคราชหลงรัก แต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปกลับมาคุมทีมเป็นคำรบที่สอง ในสถานการณ์ที่แมวตัวนี้ต้องหนีตายแบบสุดชีวิต 

ณ เวลานั้นพวกเขาอยู่อันดับที่ 14 ของตาราง และเกมที่เหลือของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ต่อไปเรียกว่าเป็นงานหนัก และสาหัสที่สุดในบรรดาทีมที่ร่วมศึกหนีตกชั้นด้วยกัน พวกเขาต้องเจอกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, ราชบุรี เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี และนัดสุดท้ายจบด้วยการออกไปเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเรียกได้ว่าเหล่าทีมท็อปของ ไทยลีก เรียงคิวมาเจอกับ โคราช ในช่วงท้ายกันแบบถ้วนหน้า ทำให้พวกเขากลายเป็นอีกนึ่งทีมเต็งที่มีสิทธิ์ร่วงจากลีกสูงสุด

แต่ไม่รู้ด้วยเวทมนต์ หรือการเสกคาถาของ ‘โค้ชโจ’ พาแมวที่อ่อนแรงใกล้ตายกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เริ่มจากการบุกไปแบ่งแต้ม ลำพูน วอริเออร์ คู่แข่งถึงบ้าน บุกไปเอาชนะ สุโขทัย เอฟซี และเปิดบ้านถล่ม ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ 3-1 ในเวลานี้ นครราชสีมา ไม่แพ้ใครมา 4 เกมติดต่อกัน กระโจนจากอันดับที่ 14 ขึ้นไปอยู่ที่ 10 ของตาราง พร้อมกับมีคะแนนห่างโซนตกชั้น 4 แต้ม 

แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่า ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เป่าคาถาอะไรใส่ทีม แต่สิ่งหนึ่งที่พลิก ‘สวาทแคท’ จากหน้ามือเป็นหลังมือได้คือเกมรุก โดย 12 ประตู จาก 26 ประตูที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้เกิดจากการยิงใน 5 เกมหลังสุด คริสแลง เอ็นริเก้ กองหน้าชาว บราซิล ก็ซัดไป 5 ประตูจาก 5 นัดหลังสุด ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้ายิงประตูไม่ได้เลยตั้งแต่ย้ายมาในเลกที่ 2 

5 นัดสุดท้ายของ รีโว่ ไทยลีก ในอีก 2 เดือนต่อจากนี้ โปรแกรมของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ยังคงหนักหนาอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปจากช่วงกลางฤดูกาลคือขวัญกำลังใจ และความมั่นใจของตัวนักฟุตบอล ถ้าเปรียบเป็นเกมเรียกว่าหัวลูกศรสีเขียวชี้ขึ้นแบบสุดขีด และถ้าทีมจากแดนอีสานทีมนี้ยังรักษาความยอดเยี่ยมเหมือน 4-5 นัดที่ผ่านมาเอาไว้ใน การได้เล่นบนเวทีสูงสุดของ ประเทศไทย คงจะยืดต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล