ปีกซ้าย: แพท เนวิน vs เอเด็น อาซาร์

ด้วยทักษะตระการตาและความเร็ว แพท เนวิน ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถตอบแทนเม็ดเงิน 95,000 ปอนด์ ที่ เชลซี จ่ายให้กับ ไคลด์ เอฟซี ที่เมืองกลาสโกลว์ เพียงซีซั่นแรก เขาถลุงไป 14 เม็ด คอมโบเกมรุกร่วมกับ เคอร์รี่ ดิซอน จนแทรกเข้ากลางใจแฟนบอลได้อย่างไม่ยากเย็น น่าเสียดายที่เขาลงรับใช้ทีมได้เพียง 5 ขวบปี ‘สิงโตน้ำเงิน’ ก็ร่วงลงสู่ ดิวิชั่น 2 เป็นเหตุให้เขาถูกปล่อยตัวให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล

อ่านดูเหมือน เนวิน กำลังจะเป็นผู้กำชัยชนะในการ Battle ครั้งนี้ใช่ไหมครับ? โชคร้ายนิดหน่อย เพราะคู่แข่งตามตำแหน่งของเขาในครั้งนี้ คือ เอเด็น อาซาร์ นักเตะที่ได้รับการยกย่องและขนานนามว่า เก่งพอที่จะคว้าบัลลงดอร์ได้ หากไม่ไปติดเบอร์เกอร์คิงเสียก่อน ซึ่งสำหรับผู้เขียนแล้ว เจ้าก้นงอนชาวเบลเยี่ยม คือ แข้งพรสวรรค์สูงที่สุดที่เคยสวมเสื้อสีน้ำเงินสด เพราะเท่าที่ระลึกในเซลล์สมองได้ เขาไม่เคยเสียบอลจากการร่ายรำราวกับมนต์สะกด และเป็น Match Winner ทำประตูตัดสินเกมให้ เชลซี มานับไม่ถ้วน

ผู้ชนะ: เอเด็น อาซาร์

ปีกขวา: จิอันฟรังโก้ โซล่า vs อาร์เยน ร็อบเบน

‘พ่อมดลูกหนังแห่งโอลิเอน่า’ จิอันฟรังโก้ โซล่า สุดยอดตำนานขวัญใจตลอดกาลของชาว ‘สิงห์บลู’ ในยุคที่ เชลซี เล่นกันแบบทื่อๆ ไร้มิติ และความสวยงาม ‘งูเก็งก็อง’ รุด กุลลิท อดีตดาวเตะบัลลงดอร์ เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมเราให้กลายเป็น ‘Sexy Football’ ที่อุดมไปด้วยความเร้าใจ บุกมันส์กว่าเคี้ยวถั่วลิสง ซึ่งคีย์แมนของการเล่นนี้ก็คือ โซล่า นั่นเอง เพียงฤดูกาลแรก เขาก็เสกแชมป์ FA Cup มายัดใส่ตู้ จนเป็นที่มาของ ‘สิงห์บอลถ้วย’ แห่งยุค 90s

ทางด้านปีกจรวดทางเรียบ อาร์เยน ร็อบเบน เขยิบตูดเข้ามานั่งในถิ่น แสตมฟอร์ด บริดจ์ ในปี 2004 แต่กว่าจะได้เดบิวต์ก็ปาไป 3-4 เดือน เพราะอาการกระดูกยุงที่ตามหลอกหลอนไม่หยุด แต่นั่นไม่อาจปิดบังแสงที่เจิดจรัสออกมาจากเพชรเม็ดงามเมืองดัตช์ได้ เขาซัดไป 7 ประตู คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA ด้วยวัย 20 กะรัต พา เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหนแรกในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ แต่ก็นะ…ถ้าเทียบกับ โซล่า แล้ว คนอยู่แค่ 3 ซีซั่น อย่างเขาก็คงหมดสิทธิ์

ผู้ชนะ: จิอันฟรังโก้ โซล่า

กองหน้า: บ็อบบี้ แทมบลิ้ง vs ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

อยากตะโกนดังๆว่า “Oh My Lord” เพราะนี่คือความหนักใจที่สุดในการคัดเลือก 11 ตัวจริง บ็อบบี้ แทมบลิ้ง คือ อดีตดาวยิงสูงสุดของสโมสรเรา ด้วยจำนวน 202 ประตู (ก่อนที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะมาทำลายสถิตินี้ในปี 2013) เมื่อมองย้อนกลับไป…แม้ว่าทีมจะตกชั้นในปี 1962 เขาก็ยืนหยัดที่จะสู้อยู่เคียงข้างเพื่อนทุกคน คว้ารางวัลสตั๊ดทองคำพาทีมเลื่อนชั้นกลับมาในปีเดียว ซึ่งภายหลัง เขาได้รับเกียรติด้วยการตั้งชื่อเซ็ท ‘Tambling Suite’ สำหรับให้แขกและแฟนบอลเข้ามารับประทานอาหารสุดหรู เพื่อเป็นการพักผ่อนร่วมกับครอบครัวและคนรัก

ทางด้าน ‘ไอ้แมลงสาบ’ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา อีกหนึ่งแข้งระดับไอค่อนของวงการฟุตบอล เขาไม่ได้เป็นเพียงกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของสโมสรเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้พิชิตวงการลูกหนังแห่งแอฟริกาใต้อีกด้วย ในปีที่ ไอเวอรี่ โคสต์ สามารถเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกได้ ดิดิเย่ร์ กล่าวผ่านหน้ากล้องขนาดใหญ่ เพื่อเรียกร้องหาสันติภาพในสงครามกลางเมืองที่บ้านเกิด และแน่นอน วีรบุรุษคนนี้ทำให้ชาวเมือง ทหาร กบฎ และทุกแขนงอาชีพ ทิ้งอาวุธลงเพื่อกลับมาให้กำลังใจประเทศอีกครั้งหนึ่ง

และนี่คือความหมายของคำว่า ‘The King’ ที่แท้ทรู ความยิ่งใหญ่ที่ ดร็อกบา เป็น คือ สิ่งที่ไม่เคยมีกองหน้าระดับพันล้านคนไหนของ เชลซี ลบล้างมันได้

ผู้ชนะ: ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

หวังว่าจะถูกสาวก ‘สิงบลูส์’ ทุกท่านไม่มากก็น้อย ขอให้สนุกกับการอ่าน ดูแลสุขภาพร่างกายและครอบครัวของท่านให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญกันถ้วนหน้านะครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เดือนเมษายน.