The Blue House: 11 ตำนานนักเตะ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ (พาร์ท 1)
ก่อนจะไปจัด 11 ตำนาน ‘สิงห์ลูกหนัง’ เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 118 ปี การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเชลซี เรามาดูประวัติกันก่อนว่า พวกเขาเคยเป็นมาอย่างไร?
เชลซี ถูกสถาปนาอย่างเต็มตัวในปี 1905 โดยนักธุรกิจชาวอังกฤษ นามว่า กุส เมียร์ส หลังจากที่เขาและน้องชายร่วมกันซื้อสนามกีฬา ‘แสตมฟอร์ด บริดจ์’ ไปเมื่อปี 1896
ถึงแม้ว่าไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของทีม เนื่องจากเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ลูกหลานของเขาก็ยังเข้ามาดูแลและนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทสืบต่อกันมานานกว่า 7 ทศวรรษ จนกระทั่งสโมสรประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง เคน เบตส์ อดีตหัวเรือใหญ่จาก วีแกน แอตเลธติก จึงอาศัยโอกาสนี้ เสนอตัวเทคโอเวอร์ต่อในราคา 1 ปอนด์ เป็นอันว่าจบปฐมบทแบบคร่าวๆ เพราะช่วงนี้แทบไม่ได้คว้าโทรฟี่อะไรเป็นกิจจะลักษณะ แถมการแข่งขันช่วงปี 1950s ที่สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 (1954/55) ได้ ก็ไม่ได้มีความเข้มข้นอะไรมากนัก
นักเตะที่น่าสนใจ (1905-1982): เคน อาร์มสตรอง, รอย เบนท์ลี่ย์, ปีเตอร์ โบเน็ตติ, รอน แฮร์ริส, เทอร์รี่ เวเนเบิ้ลส์, บ็อบบี้ แทมบลิ้ง
ในยุค 90 เบตส์ พา ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมคนต่างวัฒนธรรม เพราะพวกเขามักประสบความสำเร็จในการล่าลายเซ็นแข้งต่างชาติฝีเท้าดีมาเสริมทัพ อาทิ กุส โปเยต์, จิอันลูก้า วิอัลลี่, แฟรงค์ เลอเบิฟ, โทเร่ อันเดร โฟล และ เดนนิส ไวส์ เป็นต้น กลุ่มนักเตะชุดนี้มีทั้งชื่อเสียง ความสามารถ และความเก๋าเกม ที่สร้างเอกลักษณ์ให้เราได้เป็นอย่างดี
ซึ่ง เชลซี กลายเป็นทีม Top Six อย่างเต็มตัวก็ตอนนี้นี่แหละ แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ในลีคมากนัก แต่ความเป็น ‘สิงห์บอลถ้วย’ ล้มทีมน้อยใหญ่อยู่เป็นประจำ ทำให้คว้าแชมป์ FA Cup ได้ 2 สมัย, ลีกคัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ อีก 1 สมัย จัดเป็นความสำเร็จที่ว้าวมากๆในสมัยนั้น
อย่างไรก็ตาม ความพัฒนาที่เกิดขึ้นแลกมากับหนี้ก้อนโตราว 80 ล้านปอนด์ เบตส์ ตัดสินใจปล่อยสโมสรให้กับ โรมัน อับราโมวิช อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจบ่อน้ำมันชาวรัสเซีย ในปี 2003 โดย ‘เสี่ยหมี’ เดินย่ำเท้าเข้ามาพร้อมใบเช็คมูลค่า 140 ล้านปอนด์ บวกกับการเคลียร์หนี้สินทั้งหมดที่มีให้ เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์เมืองผู้ดี
นักเตะที่น่าสนใจ (1982-2003): แพท เนวิน, เคอร์รี่ ดิซอน, เดนนิส ไวส์, รุด กุลลิท, เอ็ด เดอ ฮุย, จิอันฟรังโก้ โซล่า, มาร์แซล เดอไซญี่, แฟรงค์ เลอเบิฟ, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์
ผมคงต้องยกให้ทีมรัก เป็นทีมต้นตำรับที่มี ‘Sugar Daddy’ หรือ ‘เสี่ยเลี้ยง’ เป็นทีมแรกของวงการ เพราะ ‘เสี่ยหมี’ แกเล่นทุ่มงบไม่อั้นคว้าดาวดังมาประดับร่างกายมากมาย คงไม่ต้องสาธยายกันให้เปลืองพื้นกระดาษ A4 หรอก เอาแค่ว่าพูดชื่อไป คุณก็ร้องอ๋อแทบทุกคน
เพียงกระพริบตาเดียว ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซน่อล ที่ถือถ้วยทองคำในฐานะ ‘ทีมไร้พ่าย’ ทีมแรกและทีมเดียวของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ถูกถีบลงจากบัลลังก์ ด้วยคะแนนทิ้งห่างกว่า 12 แต้ม พร้อมบรรจุสถิติใหม่ๆมากมาย ณ เวลานั้น เช่น เป็นแชมป์ที่มีคะแนนสูงที่สุด (95), ชนะมากที่สุด (29) และ เสียประตูน้อยที่สุด (15) ซึ่งชายที่เป็นผู้จัดการทีมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ‘เดอะ สเปเชี่ยล วัน’ โจเซ่ มูรินโญ่ นั่นเอง
เชลซี ผลัดเปลี่ยนกุนซือใหญ่มาหลายคน แต่ไม่เคยเสียสมดุลความเป็น ‘พี่บิ๊ก’ เลย จนมาถึงมือของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ อดีตมิดฟิลด์คิ้วดก ที่คุมทีมชั่วคราวเถลิงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก มาให้เจ้าสัวแดนหมีขาวได้เชยชมเป็นสมัยแรกในปี 2012 จัดเป็นยุคทองที่ใครก็ไม่อยากเจอ
ความสำเร็จลากยาวต่อเนื่องมาอีก 10 ปี ให้หลัง เชลซี กระทืบนันยางสนั่นโลกา กระชากถ้วยแชมป์สโมสรโลกมาชูเหนือศรีษะ เป็นโทรฟี่ใบสุดท้าย เพื่อปิดฉากความสำเร็จของ โรมัน อับราโมวิช ให้สวยหรู ซึ่งรอบนี้ผมไล่ถ้วยให้อ่านกันไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวจะตาลายกันไปก่อน เอาแค่ว่า ยอดรวมแชมป์ Major ในยุค Roman’s Empire มากที่สุดในบรรดาทีมจาก สหราชอาณาจักร ก็แล้วกัน
นักเตะที่น่าสนใจ (2003-2022): จอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ปีเตอร์ เช็ค, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, มิคาเอล เอสเซียง, เอเด็น อาซาร์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้
เป็นอันจบพาร์ทที่ 1 ของการเล่าเรื่องราวแบบพอสังเขป เพื่อให้คุณผู้อ่านได้รับรู้ว่า เกณฑ์การคัดเลือกของผู้เขียน อาจไม่ได้มีแค่เรื่องของความเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆด้วยเช่นกัน ส่วนพาร์ทต่อไป…เราจะมาเริ่มจัดทีม XI กันครับ.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.