สถิติที่ไม่แพ้ใครเลยตลอดทั้งฤดูกาลถ้าจะให้นึกออกแบบไวๆ ก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน พรีเมียร์ลีก ที่ยอดทีมของยุคอย่าง อาร์เซนอล ที่ทำได้ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ แต่ในฟุตบอลประเทศไทยเกิดขึ้นมาแล้วถึง 3 ครั้ง กับ 2 สโมสร และครั้งที่ 4 มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในฤดูกาลนี้กับจ่าฝูงของไทยลีกอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 

รีโว่ ไทยลีก 2022/23 เข้าสู่ช่วงท้ายของดูกาลหลังจากฟาดแข้งกันมาแล้ว 21 นัด จาก 30 นัด จ่าฝูงอย่าง ‘ปราสาทสายฟ้า’ ขึ้นนำไปจ่าฝูงเดี่ยวๆ ที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด อยู่ถึง 12 คะแนน ทำให้แฟนบอลส่วนใหญ่มองว่า บุรีรัมย์ ไม่พลาดที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของฟุตบอลไทยเป็นสมัยที่ 9 ไปครอง แต่ที่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ การคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายเป็นสมัยที่ 3 ของสโมสรจากแดนอีสานทีมนี้ 

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สโมสรที่สร้างตำนานแชมป์ไร้พ่ายครั้งแรกของฟุตบอลไทยลีก คือ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2012 ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็กลายเป็นทีมที่สองที่คว้าแชมป์ไร้พ่ายต่อโดยทันที และทำได้อีกครั้งในฤดูกาล 2015 หลังจากนั้น สโมสรที่ใกล้เคียงที่สุดที่เกือบทำสถิตินี้ได้คือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2020/21 แต่ไปพลาดแพ้ ‘กิเลยผยอง’ ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลอย่างน่าเสียดาย 

กลับมาโฟกัสกันในฤดูกาลนี้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พวกเขาคว้าชัยชนะ 17 นัด เสมอ 4 นัดพร้อมกับรักษาฟอร์มการเล่นที่สุดยอด จนแฟนฟุตบอลชาวไทยเรียกว่า บุรีรัมย์ กำลังไร้เทียมทาน ยากที่จะมีใครมาต่อกรได้ ความไร้เทียมทานของพวกเขาไล่ตั้งแต่ตัวผู้เล่น ที่ทั้งผู้เล่นชาวไทย และตัวต่างชาติที่อิมพอร์ตเข้ามาเหนือว่าทีมอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น ในแดนหน้าพวกเขามี 2 คู่หูดาวรุ่งดีกรีทีมชาติไทย ศุภชัย ใจเด็ด กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่มีส่วนร่วมในการทำประตูไม่ว่าจะเป็นยิง หรือแอสซิสต์ ในลีกรวมกันถึง 32 ประตู ประสานงานกับ ลอนซาน่า ดุมบูญา กองหน้าดีกรีดาวซัลโว ไทยลีก เมื่อปี 2019

กองกลางของทีมก็มีนักเตะชาว เซอร์เบีย โกรัน เคาซิช ที่ทำไปแล้ว 11 ประตูในลีก เป็นหัวใจสำคัญของทีมคู่กับ ธีราทร บุญมาทัน ที่ขยับขึ้นมาเล่นในแดนกลาง พร้อมกับ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนก้าวขึ้นมาติด ทีมชาติไทย ส่วนในแดนหลังพวกเขาก็ดึง ดิออน คูลส์ กองหลังลูกครึ่ง มาเลเซีย-เบลเยี่ยม ที่มีประสบการณ์การเล่น ในลีกยุโรปมาอย่างโชกโชน มาจับคู่กับ เรบิน ซูลาก้า และ พรรษา เหมวิบูลย์ ทำให้พวกเขาแกร่งในทุกแดนของสนาม 

นอกจากนักเตะระดับท็อปของทีมแล้ว อีกหนึ่งคนที่พาทีมโชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมคือ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามาวางรากฐานเจแปนนิสเวย์ให้กับทีม ด้วยการประสานงานระหว่างผู้เล่นชาวไทย และผู้เล่นต่างชาติได้อย่างลงตัว รวมถึงการแก้เกมระดับสุดยอด ที่พาทีมพลิกจากความพ่ายแพ้ กลับมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ตัวอย่างเช่นในเกมที่บุกไปเยือน เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่โดน ‘กิเลนผยอง’ นำห่างไปถึง 4-1 แต่ก็แก้เกมพาทีมยิง 3 ประตูรวดในช่วงท้าย จนเก็บผลเสมอ 4-4 กลับบ้านไปได้แบบไม่น่าเชื่อ รวมถึงก่อนหน้านี้ ก็เคยโดนทีมอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด นำ 2-0 แต่ก็กลับมายิง 2 ประตูในช่วงครึ่งหลังได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้การแก้เกมของเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นรายนี้

สำหรับโค้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด งานที่ยากที่สุดที่จะขัดขวางการเป็นแชมป์ไร้พ่ายสมัยที่ 3 ของทีมคงจะหนีไม่พ้น การบุกไปเยือน 2 ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และอริที่เป็นคู่รักคู่แค้นทั้งใน นอกสนามอย่าง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด แต่ในเกมที่เหลือ แม้ว่าจะเจอกับทีมในโซนท้ายตารางก็ประมาทไม่ได้ พราะทุกทีมต้องการคะแนนเพื่อความอยู่รอด ในลีกสูงสุดด้วยกันทั้งนั้น นอกจากนี้ลูกทีมของ อิชิอิ ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการในประเทศไทยอีกด้วย

เขียนโดย The Lite Team.