เลาะรั้วปีศาจแดง: สิ้นสุดการรอคอย นับหนึ่งในยุค ‘เทน ฮาก’
รอคอยกันมาเนิ่นนานเหลือเกิน กับการที่จะได้เห็นภาพนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชูถ้วยแชมป์อะไรสักถ้วยเสียที หลังจากที่เพิ่งเอาชนะ นิวคาสเซิล มาได้ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ
แฟนผีอย่างเราๆในตอนนี้ก็คงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันไม่หยุด บอลจบแล้วก็ยังไม่ยอมปิดทีวี นั่งดูเหล่าบรรดานักเตะเดินไปรอบๆสนาม เวมบลีย์ พร้อมกับถ้วยรางวัลและเหรียญที่เพิ่งได้รับมา
มันเป็นภาพที่เราไม่ได้เห็นกันมานานเหลือเกิน ต้องย้อนกลับไปในยุคของ โชเซ่ มูริญโญ่ เมื่อฤดูกาล 2016-17 ที่ในปีนั้นเราได้ดับเบิ้ลแชมป์ แชมป์แรกก็คือในรายการเดียวกันนี่แหละ ส่วนอีกถ้วยที่นับว่าล่าสุดจริงๆก็คือ ยูโรป้าลีก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สโมสรได้ชูถ้วยรายการนี้อีกด้วย
ก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอย และเป็นการนับหนึ่งในยุคของ เอริก เทน ฮาก
ก่อนที่เกมนี้จะเริ่มขึ้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้รับการคาดการณ์อยู่แล้วว่า มีสิทธิ์ที่จะได้โทรฟี่นี้ไปสูงกว่าทางฟากของ ‘สาลิกาดง’ ด้วยประสบการณ์ในการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ของตัวกุนซือก็ต่างกันแล้ว
รวมถึงตัวผู้เล่นอย่างผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมอย่าง นิก โป๊ป ที่ดันไปโดนใบแดงในนัดก่อนหน้านี้ ส่วนทาง มาร์ติน ดูบราฟก้า ก็ติดคัพไท เคยลงเล่นในรายการนี้ให้กับทีมของเรามา เลยทำให้จำเป็นที่ต้องใช้ ลอริส คาริอุส ที่ไม่ได้สัมผัสเกมอย่างเป็นทางการมาแล้วถึง 2 ปี ในเรื่องนี้ก็มองว่าน่าเห็นใจพอควร
รูปเกมก็ถือว่ามีเสียวๆอยู่พอควรสำหรับแฟน ‘ปีศาจแดง’ แต่ด้วยความเฉียบขาด และมีสมาธิอยู่กับเกมแทบจะตลอดเวลา ไม่ไปหลงเหลี่ยมนอกเกมของทางฝั่งคู่แข่ง ก็ต้องขอชื่นชมในตัวนักเตะทุกๆคน ที่ลงเล่นด้วยความทุ่มเทกันมาตลอดทุกนัดในรายการนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง หรืออาจจะนั่งเชียร์เพื่อนอยู่บนอัฒจันทร์ รวมถึงกลุ่มโค้ชที่ปลุกปั้นทำให้ทีมมาได้ถึงขนาดนี้
แม้ว่าอาจจะเป็นถ้วยเล็กๆที่อาจจะยังไม่ใช่ในรายการเมเจอร์หลัก แต่ก็นับว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญในยุคของกุนซือชาวดัตช์ ทั้งๆที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมไม่ถึงปีเลย
เชื่อว่าก้าวต่อไปของ ยูไนเต็ด จะมีตามมาอีกแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นในรายการไหนหรือว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ตอนนี้ขอไปดีใจกับ ‘ถ้วยน้ำจิ้ม’ ที่ทีมเพิ่งคว้ามาได้ก่อนละกันครับ