กรีลิช ที่ช่วงหลังมีฟอร์มที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อและเขาก็สามารถทำประตูที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เมื่อเดือนที่แล้ว เปิดเผยถึงความสำคัญของชัยชนะหลังการแข่งขันที่พบ ‘ปืนใหญ่’ แม้ว่าเขาไม่คิดว่า แมนฯ ซิตี้ จะเล่นได้ดีเท่าไรก็ตาม

“เราต้องชนะในวันนี้และโชคดีที่เราทำได้ พูดตามตรง เราไม่ได้เล่นดีขนาดนั้น ผมคิดว่า อาร์เซนอล เล่นได้ดีกว่าเราและเป็นทีมที่ดีกว่า พวกเขาครองบอลได้มากกว่า การคว้าแชมป์ คุณต้องมาเล่นที่สนามยากแบบนี้ และแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีที่สุด แต่คุณก็ต้องชนะเกมเหล่านี้”

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองบอลได้เพียง 36% จากเกมที่คว้าชัยชนะที่ เอมิเรตส์ ถือว่าต่ำที่สุดในเกมลีก สำหรับทีมที่บริหารโดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในอาชีพผู้จัดการทีมของเขา แต่ด้วยความขยันในการบีบพื้นที่และความคมในการยิงประตูของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ลงโทษจากความผิดพลาดของกองหลัง อาเซน่อล และลูกที่สองของ แจ็ค กรีลิช ที่อาจเรียกได้ว่าโชคช่วยจากการยิงไปโดนขาของ โทมิยาสุ ทำให้บอลเปลี่ยนทางเล็กน้อย ก่อนเป็นประตู และลูกสุดท้ายคือการขึ้นเกมแบบฉบับของ เป๊ป จนทำให้ ฮาลันด์ ยิง ประตูใส่ บิ๊ก 6 นอกบ้านได้ครั้งแรก

แม้ความจริงแล้วถ้าเรามองไปที่ตารางคะแนนจะพบว่า อาเซน่อล ยังคงมีความได้เปรียบ แมนฯซิตี้ อยู่ เพราะแข่งน้อยกว่า 1 นัด แต่หากเรามองลึกไปในรายละเอียดโมเมนตัมของทีมจะเห็นว่า ‘ปืนใหญ่’ ไม่ชนะมา 4 เกมติดต่อกัน เสมอ 1 เกมและแพ้ไปถึง 3 เกม โดย 2 ใน 3 คือการพ่ายแพ้ให้กับ แมนฯซิตี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจนักเตะไม่มากก็น้อย โดยจะมี 2นัดเกมเยือนที่จะเป็นบทพิสูจน์คือการพบ แอสตันวิลล่า และ เลสเตอร์ ซิตี้ ในขณะที่จ่าฝูง จะไปเยือน นอตทิงแฮมฟอเรสต์ กับ บอร์นมัธ ที่ดูเป็นงานที่เบากว่า

ด้านประสบการณ์ก็เป็นเรื่องสำคัญในการลุ้นแชมป์ ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดูจะมีจิตใจที่พร้อมรับความกดดันตรงนี้ได้มากกว่า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ‘เรือใบ’ มาอยู่ในจุดลุ้นแชมป์ลักษณะนี้ ในทางกลับกันหากไปมองทีมของ มิเกล อาร์เตตา ที่เป็นครั้งแรกในการลุ้นแชมป์เต็มตัว แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ ก็ไม่มีความแน่นอน ด้วยปัจจุยหลายๆอย่าง อาทิ ผู้เล่นบาดเจ็บ หรือ ฟุตบอลถ้วยในรายการอื่นๆ ที่ทำให้นักเตะเกิดความล้า ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของผู้จัดการทีมทั้งสอง ในการปลุกพนังในตัวนักเตะทุกคน 

โค้งสุดท้ายของการตัดสินแชมป์อาจอยู่ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ก็เป็นได้ โดย อาเซน่อล จะบุกมาเยือนในช่วงปลายเดือนเมษายน หากตอนนั้นคะแนนยังไม่ทิ้งห่างและยังขับเคี่ยวเหมือนปัจจุบันผลแพ้ชนะหรือแม้กระทั่งเสมอ ก็อาจตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้เลย อยู่ที่ว่าระหว่างทางก่อนถึงนัดสำคัญทีมไหนจะทำแต้มหล่นมากกว่ากัน หรือทีมตาอยู่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพลิกนรกแซงทั้ง 2 ทีม ก็เป็นไปได้…

เขียนโดย The Lite Team.