วันนี้ผมเลยอยากให้คุณได้รู้จักประวัติพอสังเขปของกุนซือจอมไซโคแห่งยุค โธมัส แฟรงก์ 

เขาจบปริญญาตรี คณะพลศึกษาโดยตรง ที่ โคเปเฮเก้น ณ มหาวิทยาลัย Sports Medicine ปี 1999 ก่อนจะศึกษาต่อในด้านจิตวิทยาและการเป็นผู้นำอีก 3 ปี และกลายเป็นคุณครูที่โรงเรียนอนุบาลภายหลัง ก็ค่อนข้างตรงสายทีเดียวกับสิ่งที่เรียนมา

ในช่วงเวลานั้น แฟรงค์ รับบทบาทเป็นโค้ชทีมเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี และ 12 ปี ด้วยครับ ก่อนจะไต่เต้าในเส้นทางโค้ชจนไปเข้าตาองค์กรฟุตบอลเดนมาร์ก กลายเป็นกุนซือทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 16 ปี ในวัยเพียง 33 ปี เมื่อทำผลงานได้ดี เจ้านายก็ตอบแทนด้วยก็เลื่อนขั้นแล้ว เลื่อนขั้นอีก จนเฉลี่ยมาเก็บชัยชนะสูงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ยักษ์ใหญ่ที่บ้านเกิดอย่าง บรอนด์บี้ ติดต่อไปกุมบังเหียน

สโมสรแห่งนี้เปรียบเสมือน ‘ฝนหลังฟ้า’ ของเขา เพราะถึงแม้ว่าจะสามารถพาทีมไปลุยศึก ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ได้ใน 2 ซีซั่นแรก แต่เมื่อก้าวพลาดขึ้นมาครั้งเดียว คำวิจารณ์ที่ถาโถมใส่กุนซือมาดเท่รายนี้ เขาจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งทันที และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกาะอังกฤษ ในฐานะผู้ช่วยของ ริชาร์ด โอเคลลี่ ที่ เบรนท์ฟอร์ด รับภารกิจเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างโค้ชและทีมนักเตะ แถมยังดูแลทีมชุดสำรองได้อย่างดีเยี่ยมจนเอาชนะใจเด็กๆทุกคน

คนเก่งอยู่ที่ไหนก็เก่ง แฟรงค์ ถูกผลักดันให้นั่งแท่นกุนซือใหญ่ และพาทีมเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ด้วยระบบ 4-3-3 พ่วงด้วยการเป็นกุนซือที่พาทีมชนะได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จาก 100 เกมแรก ที่เหลือก็เป็นอย่างที่เห็น ปัจจุบัน เบรนท์ฟอร์ด คือ ‘ผึ้งน้อยตัวยักษ์’ ที่ไม่มีทีมไหนอยากเจอ

ฤดูกาลแรกจบอันดับ 13 พอมาฤดูกาลนี้ก็รั้งอันดับ 8 อยู่เหนือทั้ง ลิเวอร์พูล, เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ แหม…สงสัยจะอยู่ ‘รังผึ้ง’ ได้ไม่น่านานนะคุณโธมัส.

เขียนโดย What The Fluke 

The Lite Team.