2. สถิติก็ยังเป็นตัวชี้วัดได้ในบางครั้ง

แม้ในฤดูกาลนี้ อาร์เซนอล จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ในหลายๆเรื่อง อีกทั้งยังผ่านบททดสอบสุดหินมาได้ในทุกเกม แต่พวกเขานั้นยังไม่เคยบุกมาเอาชนะที่ กูดิสัน พาร์ค ได้ถึง 4 ปีติดต่อกัน โดยก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาต้องมาเยือนอาณาจักรสีน้ำเงิน แพ้ไปถึง 3 และ เสมอ 1

3. บอลเปลี่ยนโค้ช โหดร้ายซ่อนเร้น

ณอน ไดซ์ คือหนึ่งในกุนซือที่มีแท็คติกเฉพาะตัวอย่างชัดเจน แม้เขาจะต้องมาคุมทีมที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นอย่าง เอฟเวอร์ตัน แต่ก็สามารถสร้างระบบการเล่นให้ลูกทีมสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตามความเชื่อว่าจิตใต้สำนึกของมนุษย์สามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา การเปลี่ยนโค้ชเปรียบเสมือนการที่นักเตะในทีมจะต้องพิสูจน์ให้ผู้จัดการทีมเห็นว่าตัวเองนั้นมีความสามารถมากพอที่จะยืนเป็นหนึ่งในผู้เล่น 11 ตัวจริงให้ได้

4. ฟุตบอลไดเร็ค คือ นิยามของโค้ชผู้นี้

รูปเกมที่เน้นผลการแข่งขัน มีลูกอัดลูกชน ติดดาบใส่คู่ต่อสู้อยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องมาเจอกับเหล่าบรรดานักเตะอายุน้อยของทีมคู่แข่ง ที่มักจะหวาดหวั่นกับการโดนเข้าบอลหนัก หากบางคนที่จิตแข็งก็รอดตัวไป ส่วนคนที่อ่อนไหวก็ขวัญกระเจิงจนไม่มีสมาธิกับเกมกันมานักต่อนักแล้ว

5. นักเตะ อาร์เซนอล นัดกันฟอร์มห่วยแตก

ไล่เรียงจากแนวรับไปจนถึงแนวรุก ลูกทีมของ อาร์เตต้า ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อพวกเขาไม่สามารถเล่นในเกมของตัวเองได้เลยตลอดทั้ง 90 นาที แดนกลางที่เคยเป็นหัวใจหลักของทีม กลับครองบอลไม่ได้ พาลไปจนจ่ายบอลไร้ทิศทางเมื่อโดนนักเตะฝั่งเจ้าถิ่นวิ่งไล่กดดัน และด้วยเหตุผลนี้เอง เมื่อจุดเด่นของทีมที่ทำได้ดีมาตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่นไม่สามารถขับเคลื่อนรูปแบบแนวทางอย่างที่ตัวเองถนัดได้ เมื่อนั้นเองพวกเขาทุกคนจะต้องเผชิญกับปัญหาในทันที

โชคดีหน่อยที่คู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง ซิตี้ ก็เผลอพลาดท่าให้กับเพื่อนรักกรุงลอนดอน ส่งผลให้ช่องว่างยังห่างกัน 5 คะแนนเหมือนเดิม เอาเข้าจริงเรายังกุมความได้เปรียบจากการลงแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด โดยในเวลานี้ อาร์เตต้า อาจจะต้องแอบขอบคุณ ‘ทีมไก่เดือยทอง’ อยู่ข้างในก็เป็นได้ แต่พูดไปก็คงจะดูไม่ดีว่าซั่น ดั่งทำนองเพลงของ น้องพลอยขมพู ที่ร้องว่า ‘อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ’